นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ.เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ที่จะเดินหน้าเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา Anywhere Anytime เรียนฟรี มีงานทำ โดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และมีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา หรือโครงการ 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต และการแจกอุปกรณ์เทคโนโลยีประกอบการสอนให้แก่ครูนั้น ขณะนี้การดำเนินการเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงบประมาณปี 2567 และปี 2568 ซึ่งในปี 2567 จะเป็นการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนของนักเรียนและครู ส่วนในปีงบประมาณ 2568 จะเริ่มแจกอุปกรณ์การสอนแท็บเล็ต หรือแล็ปท็อป โดยนำร่องในโรงเรียนคุณภาพประจำชุมชนก่อน

โฆษก ศธ.กล่าวอีกว่า สำหรับการแจกอุปกรณ์การสอนแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อปนั้น เชื่อว่าจะเป็นการช่วยลดภาระงานครู และตอบโจทย์การสอนรูปแบบใหม่ที่จะดำเนินการควบคู่ไปกับการมีแพลตฟอร์มการเรียนรู้หรือคลังเนื้อหาสาระการเรียนการสอนครบทุกวิชา โดยครูผู้สอนสามารถจัดระบบตารางการสอน และตรวจการบ้านผู้เรียนได้ผ่านอุปกรณ์การใช้งานที่แจกให้ อีกทั้งทำให้ครูได้ทราบข้อมูลเด็กรายบุคคลว่ามีจุดอ่อนและจุดเด่นในวิชาไหน เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างรอบด้าน โดยการแจกอุปกรณ์ดังกล่าวจะเป็นระบบเช่าใช้งาน ทั้งนี้เมื่อแจกอุปกรณ์แล้วก็อาจทำให้ค่าไฟโรงเรียนเพิ่มขึ้น เพราะอุปกรณ์ต้องชาร์จแบตเตอรี่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีมาตรการประหยัดพลังงานโดยติดตั้งโซลาร์เซลล์

“เราพบค่าสาธารณูปโภคหมวดค่าไฟสูงมาก ศธ.จึงได้เจรจาความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในกลุ่มโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีค่าไฟตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป ซึ่งจะประหยัดค่าไฟได้ถึง 30-35% ส่วนโรงเรียนขนาดกลางและเล็กกำลังไปหารือกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งกองทุนยินดีสนับสนุนเงินให้โรงเรียนในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ แต่เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาเรื่องความไม่เชี่ยวชาญของครูและผู้บริหารในเรื่องระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และจะได้เกิดความปลอดภัยกับทุกฝ่าย จึงได้ดำเนินการในรูปแบบจีทูจี หรือการซื้อขายระหว่างกองทุนกับการไฟฟ้านครหลวง และ กฟผ.ไปหาผู้รับจ้างในการติดตั้งโซลาร์เซลล์เอง เพราะหน่วยงานดังกล่าวมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมากกว่าสถานศึกษา” นายสิริพงศ์กล่าว.

...