แนวทางการดำเนินธุรกิจแห่งอนาคต นอกจากผลประกอบการที่ดีแล้ว ธุรกิจยังต้องสร้างความยั่งยืนในห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การดำเนินงานต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเติบโตต้องดำเนินควบคู่ไปกับการแบ่งปันและส่งเสริมสังคม 

“Thai Farmer Better Life Partner” เป็นโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรของบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินการโดย บริษัท เอฟดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด อันเป็นบริษัทภายในเครืออายิโนะโมะโต๊ะ ซึ่งแสดงความชัดเจนของการพัฒนาเพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุขอย่างยั่งยืนให้สังคมไทย ส่งเสริมให้ “เกษตรกรมั่งคั่ง ด้วยการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน” โดยเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟโรบัสต้า ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจากการผลิตสู่ผู้บริโภค

จุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมอยู่ดีมีสุข

อายิโนะโมะโต๊ะมุ่งสร้างความ “อยู่ดีมีสุข” (well-being) อย่างยั่งยืนให้กับสังคม ทำให้ผู้คน “กินดีมีสุข” (Eat Well, Live Well) และสร้างความยั่งยืนให้โลก โดยเป็นการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม (The Ajinomoto Group Creating Shared Value: ASV) ที่ใช้เป็นแนวทางเพื่อส่งมอบคุณค่าผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภค พร้อมใส่ใจปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

โครงการ “Thai Farmer Better Life Partner” เริ่มต้นในเดือนมิถุนายน 2563 โดยความร่วมมือของบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เอฟดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับเกษตรอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปสนับสนุนเกษตรกร เพื่อปรับปรุงผลผลิตการเกษตรและสนับสนุนเกษตรกรไทยที่ทำไร่มันสำปะหลังและกาแฟ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัทฯ อันได้แก่ “ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ” และ “กาแฟเบอร์ดี้” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของผู้บริโภคชาวไทย

โครงการนำร่องจัดขึ้นที่จังหวัดเลยและตาก หนึ่งในแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าคุณภาพดีที่ใช้ผลิต “กาแฟเบอร์ดี้” โดยเข้าไปสนับสนุนการปลูกกาแฟแบบยั่งยืน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยและพัฒนาชุมชน เริ่มตั้งแต่การลงพื้นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลและปัญหาการเพาะปลูกของชาวไร่ เพื่อนำประเด็นปัญหามาพัฒนาแก้ไข เข้าไปช่วยวิเคราะห์ดิน น้ำ การเกิดโรค เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณผลผลิต พร้อมทั้งหาวิธียับยั้งการแพร่ระบาดของโรคพืช และแก้ปัญหาเรื่อง “มอด” ซึ่งเป็นศัตรูพืชหลักของกาแฟ โดยร่วมกับกรมวิชาการเกษตร จัดสัมมนาให้ความรู้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีการเพาะปลูกที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังนำองค์ความรู้เรื่องกรดอะมิโน ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ มาต่อยอดพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ “อามิเมท” ที่ผลิตจากน้ำหมักที่เหลือจากกระบวนการผลิตผงชูรส ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการใช้สารเคมี ส่งเสริมเกษตรกรให้เข้าถึงกระบวนการ Bio-cycle และได้มอบเครื่องสีกาแฟให้เกษตรกรจังหวัดเลย เพื่อส่งเสริมการผลิตที่มีคุณภาพ พร้อมรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรตามระบบประกันคุณภาพของอายิโนะโมะโต๊ะ (ASQUA) ด้วยราคาที่เป็นธรรม โดยเข้าไปคัดเมล็ดกาแฟที่ไร่โดยตรง จึงช่วยลดความสูญเสียและลดต้นทุนจากการต้องขนส่งกลับของเกษตรกรหากเมล็ดกาแฟไม่ได้คุณภาพ ทำให้ได้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมมาใช้ในการผลิต สร้างวงจรเชิงบวก (ecosystem) ให้ชุมชนเกษตรไทย

วงจรความยั่งยืน

อายิโนะโมะโต๊ะมีนโยบายการจัดซื้อวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Green Procurement ) ซึ่งเน้นความสมดุลด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ในการจัดซื้อวัตถุดิบ สร้างระบบการจัดซื้อวัตถุดิบแบบหมุนเวียนและยั่งยืน (Bio-circular Procurement) เริ่มจากซัพพลายเออร์ซื้อผลิตผลจากเกษตรกรมาแปรรูป และจัดส่งให้บริษัทฯ จากนั้นบริษัทฯ จะขายผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตให้เอฟดี กรีน เพื่อนำไปเพิ่มมูลค่าผ่านการพัฒนาให้กลายเป็นปุ๋ยและวัสดุปรับปรุงดินส่งกลับคืนสู่ภาคการเกษตร เดินหน้าสู่เป้าหมายลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 

แผนงานเบื้องต้นอายิโนะโมะโต๊ะ ได้วางมาตรฐานการจัดซื้อวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานการจัดซื้อสีเขียว 100% ภายในปี 2573 โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ (Climate Change) การใช้ดินและน้ำ (Water and Soil) ผ่านการร่วมมือกับเกษตรกรในการอนุรักษ์การใช้ดินใช้น้ำและใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง คำนึงถึงความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) เพื่อคงความหลากหลายในระบบนิเวศของพืชที่ใช้เป็นวัตถุดิบ

ในด้านสังคม (Social Issue) ได้ยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal welfare) คำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบการผลิต รวมถึงสิทธิมนุษยชน (Human Right) การใช้แรงงานแบบถูกกฎหมาย ไม่ใช้แรงงานเด็ก ส่วนเมล็ดกาแฟใช้มาตรฐาน 4C (Common Code for Coffee Community) ที่เป็นสากลช่วยให้เกษตรกรปลูกกาแฟได้ผลผลิตดีขึ้น ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และช่วยเหลือสังคมจากการรับซื้อกาแฟอย่างเป็นธรรม

จากไร่เกษตรไทย สู่กาแฟคุณภาพ 100%

ปัจจุบัน “เบอร์ดี้” เป็นเจ้าตลาดกาแฟพร้อมดื่มในไทยครองใจผู้บริโภคมากว่า 30 ปี ด้วยรสชาติกาแฟเพื่อคนไทย คัดสรรเมล็ดกาแฟไทยโรบัสต้าคุณภาพจากเกษตรกรไทย 100% ให้กลิ่นหอม รสชาติอร่อย ใกล้เคียงกาแฟสด ตอบโจทย์คอกาแฟสาย Fresh Brew ในแต่ละปี เบอร์ดี้สนับสนุนเกษตรกรไทยผ่านการใช้ผลผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้าปีละกว่า 1,500 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี เริ่มจากสนับสนุนเกษตรกรภาคเหนือ เตรียมขยายสู่ภาคกลางและภาคใต้ 

นอกจากนี้ “เบอร์ดี้” ได้ร่วมงาน Thailand Coffee Fest 2023 ที่ผ่านมา โดยจัดแสดงเรื่องราวของการสนับสนุนและรับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากเกษตรกรไทย ผ่านโครงการ Thai Farmer Better Life Partner และโครงการ Green Coffee Bean ที่เบอร์ดี้ใช้เทคโนโลยีด้านกรดอะมิโนมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ส่งให้เกษตรกรใช้เพื่อลดการใช้สารเคมีและเพิ่มผลผลิต แนะนำเมล็ดพันธุ์กาแฟที่เหมาะสม ให้ความรู้การปลูกกาแฟเพื่อได้ผลผลิตคุณภาพ 

ภายในงานเบอร์ดี้ยังได้นำ “Birdy® Café Series” กาแฟพร้อมดื่มจากเมล็ดกาแฟไทยโรบัสต้าจากเกษตรกรไทย 100% มาแนะนำในรูปกาแฟพร้อมดื่มแบบขวดที่สะดวกพกพาง่าย มีให้เลือก 2 รสชาติ Birdy Café Black กาแฟดำพร้อมดื่มไม่มีน้ำตาล และ Birdy Café Latte กาแฟนมพร้อมดื่มหวานนุ่มกลมกล่อม รวมถึง Birdy Home Café Black กาแฟดำแบบเข้มข้นไม่มีน้ำตาลในกล่อง 1 ลิตร สามารถนำไปชงในสไตล์ที่ชอบได้ที่บ้าน โดยสินค้าทั้ง 3 ตอกย้ำเจตนารมณ์ของเบอร์ดี้ในการสนับสนุนเกษตรกรและสังคมไทย

นอกจากนี้เบอร์ดี้ยังใช้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยขวดของ Birdy® Café Series ผลิตจากพลาสติก PET สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด รวมถึงกล่อง UHT ของ Birdy Home Café Black สามารถย่อยสลายและรีไซเคิลได้ ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมสนับสนุนเกษตรกรไทยและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน Birdy® Café Series ตอบโจทย์คนดื่มกาแฟที่มองหากาแฟคุณภาพดีเหมือนที่ร้านและทำทานเองที่บ้าน 

ด้วยความมุ่งมั่นของเบอร์ดี้สู่การสร้างสังคมกินดีมีสุข ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเบอร์ดี้ จึงมี Healthier Choice สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ ทั้งกลุ่ม Birdy® Café Series, Birdy Home Café Black, Birdy Black Zero และ Birdy Black สูตรน้ำตาลน้อย ตอบโจทย์กาแฟทางเลือกสุขภาพที่ทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง