ภาวะที่เป็นจริงและมีทางที่เป็นไปได้มากที่สุดเพื่อหารายได้เข้าประเทศ สำหรับประเทศไทยคงไม่พ้นการท่องเที่ยว ซึ่งมีความพร้อมทุกอย่าง เพียงแต่ทำยังไงที่จะดึงให้นักท่องเที่ยวมามากๆเท่านั้นแหละ...

มีการตั้งเป้าว่าปีนี้จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้มากถึง 40 ล้านคน การที่จะทำให้ถึงเป้าได้ก็ต้องดำเนินการทุกอย่างให้เป็นระบบและสัมพันธ์กัน

“ตรุษจีน” ปีนี้ ระหว่าง 8-10 ก.พ.67 ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าด้วยเทศกาลท่องเที่ยวที่ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่

ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวจาก “ไต้หวัน-เกาหลีใต้” จองที่พักและเที่ยวบินเพื่อมาเมืองไทยพุ่งถึง 90% มากกว่านักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเคยเป็นอันดับ 1 มาตลอด แต่จะหวังพึ่งจีนอย่างเดียวไม่ได้แล้ว

นั่นคงเป็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเขาไม่เอื้ออำนวยเป็นเหตุ

แต่การที่รัฐบาลไทย-จีนได้ลงนามข้อตกลงที่จะเปิด “วีซ่าฟรี” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.67 เป็นต้นไป ค่อยมาดูตัวเลขกันอีกที

เพราะนี่คือนโยบายของรัฐบาลที่หวังดึงนักท่องเที่ยวจากจีนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักให้มาเที่ยวไทยเป็นการอำนวยความสะดวกอีกช่องทางหนึ่ง

ทำให้ทั้งคนไทย-คนจีนสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้สะดวก และไม่ต้องมีปัญหาในการเข้าประเทศ

พูดง่ายๆว่าเป็นมาตรการ “จูงใจ” ที่รัฐบาลจีนเปิดช่องให้สำหรับประเทศไทยถือเป็นการย้ำถึงความสัมพันธ์และความผูกพันที่มีต่อกันอย่างแนบชิดมาอย่างยาวนาน

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ได้มีความสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับอีก 6 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งแวดล้อมไทยอยู่

...

ทำ “วีซ่าฟรี” เพื่อบูมท่องเที่ยวไปพร้อมๆกัน

นี่ก็เป็นอีกชุดนโยบายเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว หมายถึงว่าไทยพร้อมจะเปิดกว้างรับและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันและกัน

ไทยจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อด้านท่องเที่ยวคือเมื่อมาเที่ยวไทยแล้วสามารถเดินทางไปเที่ยวอีก 5 ประเทศได้

ไม่ต้องทำวีซ่าให้ยุ่งยากเพียงแต่ให้ไทยเป็นทางผ่านก็สามารถไปเที่ยวประเทศอื่นๆได้ เพราะนักท่องเที่ยวนั้นเมื่อไปยังประเทศหนึ่งก็อยากไปเที่ยวประเทศอื่นๆด้วย

อย่างนักท่องเที่ยวจากจีน-อินเดียที่มีข้อตกลงเรื่อง “วีซ่าฟรี” กับไทยก็สามารถเดินทางต่อไปยังประเทศเหล่านี้ได้

ถือเป็นบันไดแห่งความสะดวกอีกชั้นหนึ่ง

ในประเด็นเรื่องการท่องเที่ยวนั้นรัฐมนตรีต่างประเทศได้ติดต่อกับประเทศในกลุ่มประเทศอียู เพื่อขอให้ช่วยผลักดัน “วีซ่าฟรี” ระหว่างไทยกับอียูด้วย

ประเด็นสำคัญก็คือหากสามารถตกลงกันได้ไทยกับประเทศในกลุ่มอียูสามารถเดินทางเข้าประเทศในกลุ่มอียูได้ทุกประเทศ (แชงเกน) อย่างที่ประเทศเหล่านี้ทำกันอยู่แล้ว

มองภาพใหญ่แล้วหากสามารถทำความข้อตกลงกับประเทศที่กล่าวมาข้างต้นได้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทย

เพราะมิใช่แค่การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่ยังหมายรวมไปถึงธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวพันอย่างธุรกิจการบินที่ต้องเปิดเที่ยวบินในประเทศต่างๆเหล่านี้

ก็ขอให้ประสบความสำเร็จเถิด...

เพราะนี่คือหนทางที่ชัดเจนและมีความเป็นไปได้สูงสำหรับประเทศไทย!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม