ทรู คอร์ปอเรชั่น ชู 5 เหตุผลสู่การเป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศหลังควบรวมกิจการ เริ่มจาก 1. มีเสาสัญญาณรวมกันเพิ่มมากขึ้น 2. มีคลื่นความถี่รวมกันเพิ่มขึ้น 3. ความครอบคลุมของสัญญาณทั่วถึงยิ่งขึ้น 4. ทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญแน่น ทั้งจากยุโรป เอเชีย ไทย 5. อัจฉริยะยิ่งขึ้นด้วยศูนย์ปฏิบัติการเน็ตเวิร์คอัจฉริยะรายแรกและรายเดียวในไทย ที่บริหารจัดการผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อดูแลสัญญาณให้ลูกค้าใช้งานได้ดีที่สุด
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ที่เครือข่าย 5G ได้กลายเป็นปัจจัยหลักของการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน โดยทรูและดีแทคได้ปลดล็อกให้ลูกค้าทุกแพ็กเกจของทั้งแบรนด์ทรูและดีแทคที่ใช้งานดาต้า สามารถใช้งาน 5G ได้ ถ้าอุปกรณ์รองรับ และนี่คือจุดเปลี่ยนผ่านการยกระดับประสบการณ์ใช้งานมือถือของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ความครอบคลุมของ 5G ถึง 90% ของจำนวนประชากร ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ทำให้ทรูก้าวสู่การเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ที่มีสัญญาณครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ โดยไตรมาสที่ 3/2566 มีจำนวนผู้ใช้งาน 5G มากที่สุด 9.4 ล้านคน สะท้อนให้เห็นความนิยมในเครือข่าย 5G ของทรู ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้าในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้ง 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน”
นายประเทศ กล่าวอีกว่า การเร่งขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมเพื่อที่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงได้นั้น ไม่เพียงส่งผลดีต่อวิถีชีวิตคน แต่ยังเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การศึกษา หรือการแพทย์ การเข้าถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้านี้ได้อย่างทั่วถึงนี้ ช่วยยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นสังคมที่เชื่อมต่อถึงกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของการสื่อสาร ต้องไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกค้าทรูและดีแทคดีขึ้น เพิ่มโอกาสทางดิจิทัลให้กับทุกคน สามารถเข้าถึงเครือข่ายที่รวดเร็วและมีคุณภาพสูง นำไปสู่การเรียนรู้ สร้างสรรค์ และการเติบโตสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย”
เพราะการพัฒนาคุณภาพสัญญาณมือถือ จัดเป็นภารกิจสำคัญของทั้งทรูและดีแทค หลังควบรวมกิจการระหว่างกัน ศักยภาพเครือข่ายยิ่งมีความโดดเด่นและก้าวสู่การเป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทย โดย 5 จุดเด่นที่เป็นเหตุผลดังกล่าว ได้แก่
1. เสาสัญญาณที่รวมกันแล้วเพิ่มมากขึ้น ภายหลังการควบรวมกิจการ การใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการจัดการโครงข่าย ผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทคถูกนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณให้ดีขึ้น ครอบคลุมขึ้น และยังสามารถเลือกพื้นที่ในการวางเสา ที่สามารถกระจายสัญญาณได้ดีที่สุดอีกด้วย
นอกจากนั้น ทรูยังใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการจัดการโครงข่ายหลังการควบรวม มีคุณลักษณะเด่น 3 อย่าง ได้แก่ ทันสมัยขึ้น, มีประสิทธิภาพขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนประมาณ 15-20% เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากโซลูชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อวิเคราะห์ ติดตามการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
2. คลื่นความถี่ที่รวมกันแล้วเพิ่มมากขึ้น และทำให้ทรูเป็นผู้ให้บริการที่มีคลื่นครบทุกย่านความถี่มากที่สุด
3. ศูนย์รวมทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ จากทั้งทรูและดีแทค ทั้งไทย ยุโรป เอเชีย เพราะหลังการควบรวม ทีม Network ของทรูและดีแทคกลายเป็นทีมระดับโลก มีผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ มีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านเน็ตเวิร์กมาใช้เพื่อยกระดับโครงข่าย ให้เป็นเครือข่ายที่ดีที่สุด
4. ความครอบคลุมของสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้น จากจำนวนเสาสัญญาณ ทำให้เครือข่ายครอบคลุม ขยายบริการไปยังพื้นที่ห่างไกลได้ทั่วถึงกว่าเดิม ปัจจุบันโครงข่าย 5G ของทรู-ดีแทค ครอบคลุม 90% และตั้งเป้าขยายให้ครอบคลุมประชากรถึง 97% ภายในปี 2568 ขณะที่โครงข่าย 4G ของทรู-ดีแทค ครอบคลุมประชากร 99%
นอกจากนั้น หลังควบรวมกิจการ ลูกค้าทุกแพ็กเกจ ยังสามารถใช้งาน 5G ได้ หากสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ที่ใช้งานรองรับ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแพ็กเกจ ทำให้ผู้ใช้บริการแพ็กเกจดาต้าราคาประหยัด ก็สามารถเข้าถึงบริการ 5G ได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนมาใช้แพ็กเกจใหม่ บริการ 5G เป็นบริการเพื่อทุกคน
5. อัจฉริยะยิ่งขึ้น ด้วยศูนย์ปฏิบัติการเน็ตเวิร์กอัจฉริยะทรู AI (True AI Network Intelligence Center – TIC) ถือเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เพราะทรูให้ความสำคัญกับการดูแลสัญญาณเครือข่ายให้ดีที่สุด โดยนำ AI เข้ามาดูแลวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานสัญญาณทั่วประเทศแบบ 24 ชั่วโมง ร่วมกับทีมวิศวกรโครงข่าย เพื่อวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของลูกค้าให้ดีที่สุดตลอดเวลา
ในเดือน พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา มีองค์กรระดับโลกการันตีว่า ทรูเป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในไทย โดยได้รับรางวัลจาก nPerf สถาบันทดสอบคุณภาพอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส ในฐานะผู้ให้บริการ “เครือข่ายที่ดีที่สุดในไทย” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดยปีล่าสุดทำคะแนนได้ดีที่สุดในทุกด้าน ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานแอป nPerf ทั้งหมด จำนวน 1,800,000 ครั้ง พบว่า ทรูมูฟ เอช ได้คะแนนรวมสูงสุดใน 6 หมวดของการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการเชื่อมต่อ ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลด ความหน่วงต่ำ คุณภาพการเปิดเว็บ และคุณภาพการสตรีมมิ่ง