นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแผนปฏิบัติการทรัพยากรน้ำประจำปีงบประมาณ 68 จำนวน 57,393 รายการ จาก 24 หน่วยงาน 8 กระทรวง 76 จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2,102 แห่ง กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา วงเงิน 392,510 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยเพิ่มความจุเก็บกัก 1,352 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พื้นที่ได้รับประโยชน์ 6.77 ล้านไร่ พื้นที่ได้รับการป้องกัน 5.71 ล้านไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 4.92 ล้านครัวเรือน

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบ (ร่าง) แผนขับเคลื่อนน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค (ปี 66-80) โดยมี 4 กลยุทธ์ 13 แผนงาน ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1 บำรุงรักษา ซ่อมแซมระบบประปาที่ชำรุดให้พร้อมใช้งาน 6,189 แห่ง ลดการสูญเสียน้ำในระบบท่อของการประปานครหลวง (กปน.) 20% และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) 25%

กลยุทธ์ที่ 2 ก่อสร้างประปาใหม่ หรือทดแทนประปาเดิม 9,825 แห่ง ขยายกำลังผลิตน้ำประปาของ กปภ. และ กปน. 2.5 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ขยายเขตประปา 1.6 ล้านครัวเรือน ปรับปรุงประปาให้เป็นประปาสะอาด 19,106 แห่ง จัดหาแหล่งน้ำต้นทุน 1,728 แห่ง ก่อสร้างระบบประปา ขุดเจาะบ่อบาดาลในพื้นที่หาน้ำยากและพื้นที่สูง 1,167 โครงการ กลยุทธ์ที่ 3 ตรวจคุณภาพแหล่งน้ำธรรมชาติ 9,000 ตัวอย่างต่อปี ตรวจคุณภาพน้ำประปา 7,773 แห่ง อปท.69,914 แห่ง กปน./กปภ. 236 สาขา และกลยุทธ์ที่ 4 พัฒนาความรู้ให้ อปท.และกรรมการบริหารกิจการประปา ปีละ 2,000 คน

“การดูแลระบบน้ำประปา ควรถ่ายโอนให้กองทุนหมู่บ้านดูแล เพราะมีงบประมาณซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้ประปาหมู่บ้านใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา ขาดการซ่อมบำรุง ผมเป็นประธานกรรมการกระจายอำนาจ ก็จะเข้าไปช่วยดูว่าทำได้หรือไม่ แต่ทั้งหมดเป็นหน่วยงานที่ผมกำกับดูแล ทั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง อยากให้บูรณาการเพื่อทำให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”

...

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำให้ สทนช.สื่อสารเรื่องสภาพอากาศให้ประชาชนเข้าใจโดยง่าย เพื่อที่จะได้เตรียมการรับมือได้ทัน และต้องคิดดักปัญหาล่วงหน้า หรือแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รวมถึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ โดยจะตั้งอนุกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาเรื่องนี้ด้วย.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่