ตอนที่ผมใช้หูฟังข่าวเรื่องตั๋วตำรวจ ที่ สส.ก้าวไกล ตั้งใจจะใช้เป็นหัวข้ออภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯเศรษฐา ในสภา ตาผมก็อ่านเจอเรื่อง พระมหามนตรี (ทรัพย์) เจ้ากรมพระตำรวจในขวา (ผู้แต่งระเด่นลันไดครับ) เขียนบัตรสนเท่ห์ โจมตีจมื่นราชามาตย์ (พระมหาเทพทองปาน) ปลัดกรมพระตำรวจในซ้าย
(อำนาจและภาษาวรรณกรรมไทย สุจิตต์ วงษ์เทศ สำนักพิมพ์นาตาแฮก พ.ศ.2566)
บัตรสนเท่ห์สำนวนนี้ วงการวรรณกรรม ยอมรับกัน เป็นสำนวนกวีชั้นครู ลองฟังตัวอย่าง
“เมื่อชาติก่อนได้พรของหลวงชี จึงมั่งมีดูอัศจรรย์ครัน เขาชมบุญเรียกเจ้าคุณราชามาตย์ แต่ร้ายการเกือบยักษ์มักกะสัน ลงนั่งยังนาวาเหมือนชาละวัน ขึ้นบกตกมันเหมือนสิงห์ทอง จะเข้าวัดตั้งโห่เสียสามหน ตรวจพลอึกทึกกึกก้อง...”
ฟังตามบัตรสนเท่ห์ ลีลาอึกทึกครึกโครมเร่อร่า ขวางหูตาชาวบ้านปานนี้ ยังได้เลื่อนจากปลัดกรม...เป็นเจ้ากรมตำรวจในซ้าย (ศักดินา 2000) ขึ้นไปอีก ก็อาจสงสัย
แต่กลอนที่ว่า “พรของหลวงชี” ก็ยืนยันว่า เส้นใหญ่เจ้านายดี
ผมจึงทำใจ ตำรวจกับตำรวจเขาเล่นงานกัน ไม่ใช่เฉพาะสมัยนี้ เขาโจมตีกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ใครที่เป็นคอละคร เรื่องบุษบาลุยไฟ (ฉายช่องไทยพีบีเอส) เหมือนผม...ตอนที่คุณพุ่ม บุษบาท่าเรือจ้าง...นัดเจ้าคุณนครบาล ผู้ร้ายในเรื่อง (ที่ผมเข้าใจว่า ละครเขาคงเอาเค้าพระยามหาเทพมาแปลง) มาเจอที่บ้านพระมหามนตรี (ทรัพย์) ให้ช่วยพูดจาช่วยนายฮุน พระเอก
คงสงสัย...ก็ตำรวจด้วยกันนี่นา! ธรรมเนียมละครหนัง ที่เอาเรื่องจริงมาเป็นโครง ก็คงต้องใส่สีตีไข่บ้าง
นอกจากพระยามหาเทพ...เจอบัตรสนเท่ห์ใบแรกแล้ว ยังถูกบันทึกไว้ในพงศาวดาร...ค่อนไปในทางไม่ดี...
ตอนไปปราบจีนเผียว อั้งยี่ที่มหาชัย...พระยามหาเทพ ลงทุนนั่งเรือไปลุ้นสั่งการด้วยตัวเอง ถูกอั้งยี่ยิงเอาเข้าท้อง ต้องสั่งถอยเรือ กลับมานอนรักษาแผลที่บ้าน อีกสองสามวันก็ตาย
...
มีเรื่องซ้ำเติม หลังตาย กระทั่งศพก็แทบจะไม่มีใครมีใจต่อโลงมาใส่ ลูกเมียบริวารมากมายที่เคยมี หนีหน้าไปเกือบหมด...แตกต่างตรงกันข้าม กับงานตอนที่ตัวเองยังเป็นๆ
อ่านตามเนื้อเรื่อง แล้ว...คิดได้ไปทำนองว่า พระยามหาเทพ กรรมตามทัน
แต่เมื่อผมพยายามคิดให้ลึกๆไปอีก...พระยามหามนตรีทรัพย์ เจ้ากรมพระตำรวจในขวา (ศักดินา 2000) คนนี้ ท่านเป็นกวีราชสำนัก มีงานกวีอยู่ในจารึกวัดโพธิ์ นอกจากกลอนบัตรสนเท่ห์แล้ว ยังเขียนกลอนเพลงยาวอื่นๆ
เอาผลงานเหล่านี้เป็นเครื่องชี้วัด...ก็น่าจะเชื่อได้ว่า ท่านเป็นคนจริงใจจริงจัง เขียนกลอนเสียดสีโจมตีตำรวจด้วยกัน เพราะทนดูความเลวของตำรวจด้วยกันไม่ไหว
ลองเอาผลงานเรื่องระเด่นลันได...มาประกอบการพิจารณา นี่คือ วรรณกรรมการเมืองเรื่องแรกของไทย
ลีลาเสียดสีสังคม เยาะเย้ย ถากถาง ล้อเลียน บทละครเรื่องอิเหนาของเจ้านาย สมัย ร.3 เมื่อ 200 ปีที่แล้ว ด้วยลีลาอารมณ์ขัน ถือเป็นเรื่องกล้าหาญ และแปลกใหม่
ระเด่นลันได แต่งขึ้นจากเรื่องจริง ลันได เป็นแขกฮินดูสีซอขอทานอยู่ตลาดเสาชิงช้า ประดู่ เป็นแขกเลี้ยงวัวริมคลองเมืองใกล้สนามหลวง เรื่องลันไดกับประดู่ทะเลาะแย่งนางประแดะ (หูกลวงดวงสมร) เป็นเรื่องขบขันรู้กันทั่ว
พระมหามนตรีเอาเรื่องนี้มาเขียนให้เป็นบทละครขบขัน จึงเป็นกวีที่มีจินตนาการเลิศล้ำ ต้องไม่ใช่คนขี้อิจฉา หาเรื่องโจมตีศัตรูคู่แข่ง เหมือนที่ตำรวจสมัยนี้ทำกันเป็นปกติวิสัย
เรื่องตั๋วตำรวจยุคใหม่...กลายเป็นเรื่องผิดปกติ ก็เพราะนายกพ่อค้า...ใจตรงเผลอปากไว...หลุดความจริงออกมา...ก็คงต้องวัดกันไปตามดวงก็แล้วกัน ผ่านเรื่องเทคนิคภาษีที่ดินจากชูวิทย์มาได้เรื่องนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม