บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ประกาศสานต่อการให้ความรู้เกี่ยวกับการนำวัสดุรีไซเคิลมาผลิตสินค้าแฟชั่น ซึ่งได้ริเริ่มและดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ ภายใต้โครงการประกวด “RECO Young Designer Competition” ที่ช่วยส่งเสริมคุณค่าของวัสดุรีไซเคิลควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม โดยในโอกาสครบรอบ 10 ปีนี้ โครงการรีโค่ (RECO) จะปฏิวัติการรีไซเคิลและการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนด้วยการยกระดับสู่ 'RECO Collective'
RECO Collective คือการรวมตัวกันของเหล่าดีไซเนอร์ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับอินโดรามา เวนเจอร์ส และพันธมิตรที่คร่ำหวอดในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่นหมุนเวียน (Circular Fashion) ของประเทศไทย ในการรังสรรค์แบรนด์แฟชั่นรักษ์โลกสุดครีเอทีฟภายใต้คอนเซปต์ 'Innovensity Fashion' ซึ่งเป็นแนวคิดในการนำนวัตกรรมสมัยใหม่ มาผสานเข้ากับการสร้างแบรนด์แฟชั่นอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งหัวใจสำคัญของ RECO ที่มุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยในครั้งนี้บริษัท ไทย แทฟฟิต้า จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอินโดรามา เวนเจอร์ส ในโครงการ RECO ได้ร่วมให้การสนับสนุนเส้นด้ายที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิลแก่บรรดาเหล่าดีไซเนอร์ เพื่อใช้ในการผลิตคอลเลกชันพิเศษ และสินค้า Ready-to-Wear โดยจะวางจำหน่ายผ่านเครือข่ายพันธมิตรของ RECO ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลได้สะดวก ซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นางอาราธนา โลเฮีย ชาร์มา รองประธาน บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “RECO ให้ความสำคัญกับการหมุนเวียนทรัพยากรผ่านการรีไซเคิลอย่างไม่รู้จบ ในฐานะผู้บุกเบิกการให้ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืนที่ผลิตจากขวด PET รีไซเคิล มาเป็นเวลายาวนานตลอดทศวรรษ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ อินโดรามา เวนเจอร์ส โดยสะท้อนได้จากความสำเร็จครั้งล่าสุดของบริษัทฯ ในการรีไซเคิลขวด PET จำนวน 100,000 ล้านขวดทั่วโลก และเพื่อสานต่อความพยายามในการส่งเสริมความสำคัญกับการรีไซเคิล RECO จึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนบริษัทฯ ให้บรรลุเป้าหมายนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา RECO ยืนหยัดที่จะให้ความรู้และสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าของวัสดุรีไซเคิลให้แก่บุคคลทั่วไป ภาคธุรกิจ องค์กร ตลอดจนชุมชนในสังคม โดยในปีนี้จะเป็นการก้าวสู่ยุคสมัยแห่งนวัตกรรมและการร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนภายใต้ชื่อ ‘RECO Collective 2023’
ทางด้าน นางกฤติกา ชัยวิไล รองประธานฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยแทฟฟิตา จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของอินโดรามา เวนเจอร์ส ในประเทศไทย กล่าวว่า “ไทยแทฟฟิตา รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ยืนเคียงข้างอินโดรามา เวนเจอร์ส ในการสนับสนุน RECO Collective ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ เราตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของการใช้เส้นด้าย PET รีไซเคิล 100% ในการส่งเสริมแฟชั่นที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราจึงจัดหาผ้าโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลที่ทอจากเส้นด้ายของอินโดรามา เวนเจอร์ส เพื่อสนับสนุนโครงการนี้ ความมุ่งมั่นของเราอยู่ที่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นนำแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เมื่อเราร่วมมือกัน เราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในโลกของเราโดยการส่งเสริมความยั่งยืนและการหมุนเวียนให้แก่อุตสาหกรรมแฟชั่น"
เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง ดีไซเนอร์จะได้มีส่วนร่วมในโครงการ 'Innovensity Fashion' โดยเข้าอบรมแบบใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่จะมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในช่วงของ Incubation Lab ในระหว่างเซสชั่นเหล่านี้ ดีไซเนอร์จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ของการสร้างแบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืน ซึ่งจะครอบคลุมทุกมิติที่จำเป็นในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จ อาทิ การเลือกซื้อวัสดุ การจัดซื้อจัดจ้าง กระบวนการผลิต กลยุทธ์การขายและการตลาด
นางสาวกมลนาถ องค์วรรณดี ผู้อำนวยการหลักสูตร RECO Incubation Lab เล่าถึงมุมมองเกี่ยวกับ RECO Collective ว่า “เซสชั่นที่จัดเตรียมไว้ในระหว่าง Incubation Lab จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่เหล่าดีไซเนอร์ที่จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการเปิดตัวแบรนด์ที่ยั่งยืน ในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตร ดิฉันได้ทำงานร่วมกับ RECO อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดเตรียมเนื้อหาให้มีความเหมาะสม ทั้งในแง่การปฏิบัติจริง ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเชิงลึก ตลอดจนการให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับนักออกแบบ เพื่อการันตีความสำเร็จในอนาคต ซึ่งจะเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แต่ละดีไซเนอร์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ดิฉันจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายผู้ผลิตวัสดุผ้า โรงงานผลิต และที่ปรึกษาด้านการออกแบบ ที่มีแนวทางสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งเน้นด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จากดีไซเนอร์กลุ่ม RECO Collective จะมีชื่อเสียงในตลาดและสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น”