ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรกรรม ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ กระทรวงเกษตรฯก่อตั้งมาร้อยกว่าปี นักวิชาการคิดทฤษฎีพัฒนาพันธุ์ข้าว ปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มผลผลิตข้าวตั้งไม่รู้ กี่ร้อยสูตร แต่ทุกวันนี้ชาวนาไทยยังยากจน หนี้ท่วมตัว หากยังคิดและทำแบบเดิม เชื่อได้เลยว่าอีก 20 ปี 50 ปี หรือ 100 ปีข้างหน้า ชาวนาก็ไม่หลุดพ้นจากความยากจน

ข้าวทั้งประเทศขายได้ปีละ 4 แสนล้านบาท อย่างเก่งสุดเพิ่มมาร์จินอีก 20% ก็มีมูลค่าแค่ 4.8 แสนล้านบาท จีดีพีข้าวโตได้เต็มที่แค่นี้ และการจะได้มูลค่าสูงสุด ต้องดินดี น้ำถึง ขยันขันแข็ง ทั้งยังต้องมีตลาดรองรับข้าวทุกเมล็ด ซึ่งการจะให้ครบทุกองค์ประกอบเหล่านี้เป็นเรื่องยาก แถมราคาข้าวยังขึ้นกับราคาตลาดโลก หนำซ้ำพอข้าวแพง คนกินข้าวก็บ่น ฉะนั้นถ้าไม่คิดใหม่ หารายได้เสริม ชาวนาไทยก็ยากที่จะมีความสุขได้

ตอนนี้กระทรวงเกษตรฯโดย กรมพัฒนาที่ดิน ได้ทำ โครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Zoning by Agri–Map) ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสม หรือเหมาะสมน้อย ไปปลูกพืชทางเลือก (หญ้าเลี้ยงสัตว์) และทำปศุสัตว์ (เลี้ยงโค) แทน เป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าเดิม

...

คุณอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ได้ไปตรวจเยี่ยม โครงการต้นแบบที่ ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย พบเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจมาก หลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นที่ สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ทำเกษตรผสมผสาน และได้รับการสนับสนุนปัจจัยการผลิต สร้างรายได้เสริม ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นรายได้หลักได้

อย่างเช่นแปลงของ คุณยุทธนา ทัยบุตร มีพื้นที่ปลูกข้าว 11 ไร่ เป็นพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ขาดแคลนน้ำ ต้นทุนสูงแต่ผลผลิตน้อย มีรายได้ปีละครั้งจากการขายข้าว เมื่อมาเข้าร่วมโครงการ ปรับเปลี่ยนจากปลูกข้าวเป็นหญ้าเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันเลี้ยงโค 50 ตัว  โดยแบ่งที่ดินเป็น ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ (หญ้าแพงโกล่า) 7 ไร่ พื้นที่คอกวัว 2 ไร่ ที่อยู่อาศัยและสระน้ำ 2 ไร่

ทำให้มีรายได้จากการขายหญ้าแพงโกล่าไร่ละ 4,000 บาท 1 ปีขายได้ 3 รอบ เป็นเงิน 12,000 บาท ขายหญ้า 3 ไร่เป็นเงิน 36,000 บาท อีก 4 ไร่เป็นอาหารของโคที่เลี้ยงไว้ ส่วนโคขายได้ตัวละประมาณ 30,000 บาท

โคเป็นสัตว์กินง่ายอยู่ง่าย เลี้ยงแบบไม่ต้องขุน ให้กินหญ้าอย่างเดียวก็พอ ยิ่งให้กินหญ้าไล่ทุ่งยิ่งดี ไม่มีต้นทุน เลี้ยงปีเดียวก็ตัวโตน้ำหนัก 300 กิโลกรัมแล้ว แม่โคออกลูกทุกปี ถ้าได้ลูกเป็นตัวผู้ เลี้ยงครบปีขายได้ตัวละ 30,000 บาท แต่ถ้าได้ลูกเป็นตัวเมีย ก็เป็นแม่พันธุ์ออกลูกออกหลานทุกปี

รมต.อนุชาย้ำเสมอว่า การเลี้ยงโคเป็น “โคคณิตศาสตร์” มีแต่ออกลูกสร้างรายได้เพิ่มทุกปี โคกินหญ้าแทบไม่มีต้นทุนจึงไม่มีทางขาดทุน พอเลี้ยงครบ 3 ปีก็คืนทุน จากนั้นโคที่ออกลูกออกหลานจะเป็นฝ่ายเลี้ยงเราเอง เลี้ยงโคเลี้ยงวัวง่ายที่สุด แค่เกี่ยวหญ้าเป็นก็ได้จับเงินแสนเงินล้าน ทุกวันนี้คนเลี้ยงโคปลดหนี้สินแถมมีทองใส่

ช่วงที่เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่ คุณอนุชาเคยผลักดันโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโค ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้าน โครงการนำร่องอยู่ที่ จ.สุโขทัย มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการ 1,000 ราย กู้เงินมาซื้อแม่โค 2,000 ตัว ได้ผลผลิตเป็นลูกโค 1,860 ตัว คิดเป็น 93% ประสบความสำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรม

ปริมาณการเลี้ยงโคในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะล้นตลาด ส่วนตลาดต่างประเทศ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ได้ไปกรุยทางหาไว้บ้างแล้ว จีนกับซาอุดีอาระเบียพร้อมนำเข้าเนื้อวัวจำนวนมหาศาล ถือเป็นโอกาสของเกษตรกรไทย

 ชาวไร่ชาวนาที่สนใจอยากปรับพื้นที่มาเลี้ยงโคเพิ่มรายได้ สามารถเข้าไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากกรมพัฒนาที่ดินได้ตลอด ความฝันเป็นเศรษฐีเงินล้านสร้างให้เป็นจริงได้ครับ.

ลมกรด

คลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม

...