หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีขายดีที่สุด จีดีพีเข้าขั้นวิกฤติ ฉบับนี้ประจำวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566
- ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของปีนี้ในวันจันทร์ เศรษฐกิจ ของไทยมีการเติบโตเพียง 1.5% ตํ่ากว่าไตรมาส 2 ที่เติบโตเพียง 1.8% ตัวเลขนี้ไม่เพียงทำให้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ตกใจ แต่ นายกฯเศรษฐา บอกนักข่าวว่า ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ คนแถลงเองก็ตกใจ “ไต้ฝุ่น” เห็นตัวเลขก็ตกใจ พรรคเพื่อไทยเองก็ควรจะตกใจ เพราะ เข้ามาบริหารประเทศ 3 เดือนแล้ว ไม่เพียงเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น แต่เศรษฐกิจกลับแย่ลง ตัวเลขจีดีพีมันฟ้อง
- นายกฯเศรษฐา บอกนักข่าวว่า เป็นห่วงอย่างมาก เท่าที่สอบถามเลขาธิการสภาพัฒน์ถึงตัวเลขจีดีพีที่ออกมา 1.5% ในไตรมาส 3 เลขาธิการสภาพัฒน์ก็บอกว่าท่านเองก็ตกใจ เพราะ นึกว่าจะเห็นเลข 2 มีเหตุผลหลายอย่าง ทั้งเรื่องการใช้จ่าย การลงทุน และเรื่องการผลิตของโรงงาน “ทุกอย่างเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ” นายกฯเศรษฐาระบุ
...
- นักข่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า จะส่งผลกระทบไปถึงปีหน้า 2567 หรือไม่ นายกฯเศรษฐา ตอบว่า ทุกอย่างส่งผลหมด แต่อย่าเพิ่งข้ามไปไตรมาสแรก เพราะไตรมาสที่ 4 ปีนี้ก็ยังเหลืออีกครึ่งไตรมาส (ก๊อเดือนครึ่ง) เราต้องพยายามทำตัวเลขให้ดีขึ้น และยืนยันว่า จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจ “จุดยืนของผมชัดเจน วิกฤติและจำเป็น”
- ประสา “ไต้ฝุ่น” ได้แต่สะกิด นายกฯเศรษฐา ให้ศึกษาตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่สภาพัฒน์แถลงให้ดีๆ ข้อมูลสภาพัฒน์ ระบุชัดเจนว่า วิกฤติจีดีพีที่โตตํ่าเตี้ยแค่ 1.5% ในไตรมาส 3 มาจากการส่งออกที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% ของจีดีพี และ การใช้จ่ายของรัฐบาลที่ลดลง
- แต่ การลงทุนของภาคเอกชนกลับดีขึ้นมาก และ การอุปโภคบริโภคของครัวเรือนในประเทศก็ดีขึ้นมาก ไตรมาส 3 โตขึ้นถึง 8.1% เพิ่มขึ้นจาก 7.8% ในไตรมาส 2 สูงสุดใน 4 ไตรมาส ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 51.7 จากร้อยละ 50.3 ในไตรมาส 2 เป็นระดับความเชื่อมั่นสูงสุดในรอบ 15 ไตรมาส หรือ สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี เลยทีเดียวนะครับ ท่านนายกฯ เศรษฐา
- จากข้อมูลของ สภาพัฒน์ จะเห็นว่า จีดีพีในประเทศดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ นายกฯเศรษฐา และ พรรคเพื่อไทย บอกว่าเป็นวิกฤติ “ไต้ฝุ่น” จึงเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องไปกู้เงิน 500,000 ล้านบาท มาแจกคนในประเทศ 50 ล้านคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งที่ นายกฯเศรษฐา และ รัฐบาลเพื่อไทย ควรทำอย่างรีบด่วนก็คือ การเร่งหาตลาดส่งออกให้กับสินค้าไทยที่ลดลงอย่าง
ต่อเนื่อง เพื่อหารายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่การเพิ่มหนี้ให้กับรัฐบาลโดยไม่มีความจำเป็น
...
...
- “ไต้ฝุ่น” ไม่อยากเห็น การบริหารประเทศที่ผิดพลาดอย่างมีนัยสำคัญทั้งที่รัฐบาลก็รู้อยู่แล้ว และที่สำคัญ นายกฯ เศรษฐา และ พรรคเพื่อไทย มีความรู้ทางเศรษฐกิจและการค้ามากกว่าอดีตนายกฯและรัฐบาลเก่าเยอะ ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ก็เป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีพาณิชย์ ดูแลการส่งออกเอง ถ้าการส่งออกสิ้นปีนี้ไม่ดีขึ้น ก็ต้องโทษรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยแน่นอน
- ประเด็นที่ “ไต้ฝุ่น” เห็นว่า นายกฯเศรษฐา ควรให้ความสำคัญและนำไปปฏิบัติอย่างเร่งด่วนก็คือ ข้อเสนอแนะ ของ ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ ที่ระบุว่า ขณะนี้เศรษฐกิจภายในประเทศยังสามารถเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการบริโภค การท่องเที่ยว แต่เรื่องหลักที่มีปัญหาก็คือการส่งออก ต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมการส่งออก รวมทั้ง ต้องเร่งรัดการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
- เลขาธิการสภาพัฒน์ ดนุชา พิชยนันท์ ยํ้าว่า เป้าหมายจีดีพี 5% ของรัฐบาลเพื่อไทย จะทำได้ ต้องอาศัยการส่งออกและการลงทุนเป็นสำคัญ เศรษฐกิจไทยมีความจำเป็นต้อง ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้น การเติบโตจะอยู่ในระดับแค่ 3% กว่าไปแบบนี้ ไม่ถึง 5% ทุกปีใน 4 ปีนี้อย่างที่ พรรคเพื่อไทย หาเสียงสร้าง ฝันให้กับประชาชนแน่นอน
- อย่างนี้ดีกว่า “ไต้ฝุ่น” ว่า ทำแบบนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่าแจกเงินเยอะ 9 ธันวาคมนี้ นายกฯเศรษฐา ทวีสิน พร้อมด้วย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ จะไปเป็นประธานเปิด งานมหกรรมการแสดงศิลปะนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่โด่งดังไปทั่วโลก หนึ่งในยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ข่าวว่าช่วงพิธีเปิดงานที่ยิ่งใหญ่มโหฬาร 7–10 ธันวาคม ห้องพักโรงแรมในเมืองเชียงรายถูกจองเต็มหมดแล้ว และ คงจองขยายไปถึงอำเภอรองที่อยู่ใกล้เคียงกับอำเภอเมือง สร้างงานสร้างเงินดีกว่าไปสร้างหนี้มาแจกเยอะนะครับ ท่านนายกฯเศรษฐา คิดผิดคิดใหม่ได้ไม่เสียหายอะไร
...
- แวบไปดู ดัชนีหุ้นไทยวันจันทร์ ที่มีข่าวว่า นักลงทุนรายย่อยจะประท้วงตลาดเรื่องชอร์ตเซลด้วยการนัดกันไม่ซื้อขายหุ้น แต่ ดัชนีหุ้นวันจันทร์ ปิดตลาดก็เขียวปี๋ในดัชนีหุ้นทุกกลุ่ม ดัชนี SET บวกขึ้นมา 3.66 จุด ปิดที่ 1,419.44 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 37,000 กว่าล้านบาท แสดงว่า รายย่อย ที่เป็น ขาใหญ่ในตลาดหุ้น ยังมีการซื้อขายทำกำไรตามปกติ ส่วน รายย่อยจริงๆ อาจไม่ได้เข้ามาซื้อขาย
- บนแผงวันนี้ นิตยสาร Gourmet & Cuisine ฉบับพฤศจิกายน เรื่อง A Joyous Afternoon Tea สุขใจไปกับน้ำชายามบ่าย 10 ชุดน้ำชายามบ่ายที่ห้ามพลาด กิน scone ตามวิถีชาวอังกฤษ พากินเที่ยว “ทรงวาด” รอยต่อเก่าใหม่ที่น่าหลงใหล, BAZAAR Thailand ฉบับ The Travel Planner ทุกแรงบันดาลใจพร้อมไปรับลมหนาวกับแบรนด์เนมหรู, อนุสาร อ.ส.ท. พาไปเที่ยวย่านคนหลากชนชาติ Living in Harmony สตูล ลำปาง แม่ฮ่องสอน, ศิลปวัฒนธรรม สู่ปีที่ 45 แถมพิเศษศิลปวัฒนธรรมฉบับปฐมฤกษ์ ชำแหละประวัติศาสตร์สุโขทัย, 4 WHEELS ทดสอบคู่จิ้นมหานิยม TOYOTA ForTuner GR Sport & Innova Zenix, หนังสือ รู้กฎหมายง่ายนิดเดียว โดยชูชัย งามวสุลักษณ์.
"ไต้ฝุ่น"
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่
โปรย