นายกฯนั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินฯเป็นครั้งแรก ย้ำการนำแรงงานไทยกลับทำได้ทางอากาศเท่านั้น วางแผนไว้ 2 ช่องทางบินตรงมาไทยและไปพักต่อเครื่องที่ประเทศอื่น ยันมีเที่ยวบินในมือแล้ว 32 เที่ยวบิน รวม 5,700 คน แต่ยังไม่พอ สั่งให้หาเช่าเครื่องบินแอร์บัส A380 มาเสริมหวังพาคนไทยกลับมาหมดในสิ้นเดือนนี้ ส่วนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 คน มั่นใจยังปลอดภัย ให้กำลังใจครอบครัว ยังมีความหวัง ล่าสุด กระทรวงบัวแก้วแจ้งพบแรงงานไทยตายเพิ่มอีก 4 รายรวมยอดเสียชีวิตพุ่งไปที่ 28 ศพ

รัฐบาลจัดเครื่องบินรับแรงงานไทยในอิสราเอลกลับไทยอย่างต่อเนื่อง โดยแรงงานไทยชุดที่ 3 เดินทาง สู่อ้อมกอดของครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย ตามด้วย ชุดที่ 4 จะเดินทางมากับเครื่องบินจากกองทัพอากาศ ขณะเดียวกันก็ยังมีข่าวร้ายตามมาไม่หยุด เมื่อแรงงานไทยที่ยังอยู่ในอิสราเอลตายเพิ่มอีก 4 ราย

นายกฯนั่งหัวโต๊ะประชุม RRC

ที่ห้องนิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เวลา 16.00 น. วันที่ 15 ต.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุม ศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินต่อสถานการณ์ความไม่สงบใน อิสราเอล หรือศูนย์ Rapid Response Center : RRC เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง มีเจ้าหน้าที่ ผู้แทน และหน่วยงาน ต่างๆเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว. ต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข โดยนายเศรษฐาได้กล่าวในที่ประชุม ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมืออย่างดีและให้ความสำคัญเรื่องนี้สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กองทัพไทย และเอกชนทุกรายไม่ว่าจะเป็นนกแอร์ แอร์เอเชีย การบินไทยและอีกหลายๆหน่วยงาน

...

ต้องขนคนมาทางอากาศ

ภายหลังใช้เวลาประชุมราว 30 นาที นายเศรษฐา ได้ออกมาแถลงว่า การประชุมเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ ว่า เราให้ความสำคัญสูงสุดกับการลำเลียงคนไทยที่มี ความประสงค์จะเดินทางออกจากประเทศอิสราเอลให้ได้เร็วที่สุด และรายงานเที่ยวบินออกจากอิสราเอล ตนมีตารางบินในมือ ภายในสิ้นเดือนนี้ จะมีสายการบิน รับคนไทย ทั้งนกแอร์ แอร์เอเชีย การบินไทย และ สไปซ์เจ็ท ทั้งหมด 32 เที่ยวบิน รวม 5,700 คน ซึ่งยังไม่พอ เพราะตอนนี้มีคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับ 7 พันกว่าคน และตัวเลขมากขึ้นเรื่อยๆ จึงกังวล เรื่องการลำเลียงคนออกมา เพราะการต่อสู้ยังไม่จบ ขณะนี้อิสราเอลเลื่อนการโจมตีทางบกไปอีกวันถึงสองวันเป็นที่คาดกันว่าหากมีการโจมตีทางบก การต่อสู้ จะรุนแรงขึ้น การลำเลียงคนทางบก หรือทางเรือเรียกว่า ประตูปิดแล้ว เพราะท่าเรือที่อิสราเอลตอนนี้ปิดไปแล้ว ไม่สามารถออกมาได้ จึงต้องพึ่งทางอากาศอย่างเดียว ตอนนี้ทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอลทำงานอย่างเต็มที่ สามารถนำคนมาอยู่ในศูนย์พักพิงได้วันละประมาณ 400 คน ถือเป็นตัวเลขที่ดี แต่ถึงอย่างไรเรายังมีเครื่องบินไม่พอ เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงอยู่

ใช้บินตรงมาไทยกับต่อเครื่อง

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องของเอกสารของแรงงานชาวไทยอาจหาย หรือมีมาไม่ครบ ทางสถานทูต ได้อำนวยความสะดวกให้เข้ามาศูนย์พักพิงและทำเอกสารรับรองให้สามารถบินได้ เป็นการอำนวยความ สะดวก ทำได้วันละประมาณ 200 ราย ส่วนการลำเลียงคนด้วยเครื่องบินขณะนี้มี 2 ช่องทางคือ บินตรงจากอิสราเอลมากรุงเทพฯ กับการไปแวะพักที่ดูไบ จอร์แดน สาธารณรัฐไซปรัส แล้วนำเครื่องบินไปรับอีก ช่วงหนึ่ง เพื่อเร่งนำคนออกจากอิสราเอลให้ได้โดยเร็ว สำหรับแรงงานที่เดินทางกลับมาไทยแล้ว รมว.แรงงาน แจ้งแล้วว่าจะดูแลอย่างดีที่สุด มีเงินเยียวยา และพยายาม หาแหล่งทำมาหากินแห่งใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

หวังกลับมาหมดในสิ้นเดือนนี้

นายเศรษฐายังกล่าวถึงตัวประกันที่มี 17 คนว่า ใช้ 4 ช่องทางพยายามติดต่อนำตัวประกันกลับมา ให้ได้อย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด โดยใช้ช่องทางทาง การทูต หน่วยข่าวกรองมีการคุยกันระหว่างข่าวกรองต่างประเทศและการทหาร นอกจากนี้ยังใช้ช่องทาง ที่ไม่เป็นทางการ ภาคประชาคมหรือเอ็นจีโอ ที่มีเครือข่าย อยู่ในประเทศต่างๆ โดย กต. พูดคุยกับทุกฝ่าย ทั้ง ปาเลสไตน์และอิสราเอล เพื่อขอคนของเราให้กลับมาได้ปลอดภัยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ แต่ทุกคนพยายามหาช่องทางเพิ่มมากขึ้นในการเพิ่มเที่ยวบิน เอาคนไทยกลับมาให้ทันในสิ้นเดือนนี้ให้หมด

สั่งหาเช่าแอร์บัส A380 ขนคน

เมื่อถามว่าถึงขณะนี้มีปัญหาอะไรน่ากังวลใจที่สุด นายเศรษฐากล่าวว่า มี 2-3 ปัญหา ปัญหาแรกคือการนำคนจากจุดเสี่ยงมาสู่ศูนย์พักพิงและเดินทางเข้าสู่สนามบินพร้อมออกเดินทาง และเรื่องของเที่ยวบินที่จะนำเข้าไปได้ ในที่ประชุมผู้ใหญ่หลายท่านเสนอเข้ามาให้เช่าเครื่องบินเพิ่มเติม และหลายคนที่ไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาจเห็นเครื่องบินแอร์บัส A380 ที่จุคนได้ประมาณ 500 กว่าคน ถามว่าทำไมไม่เอาเครื่องดังกล่าวไปรับ ได้สอบถามการบินไทย ได้รับการชี้แจงว่าเครื่องบินเหล่านั้นจอดมานานต้องซ่อมบำรุง อีกทั้งนักบินไม่ได้บินนาน ตามกฎแล้วต้องไปฝึกอบรมเพิ่ม ต้องใช้เวลา จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่าเครื่องบิน A380 มาเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เราดูอยู่

ยังไม่มีข่าวร้ายอย่าเพิ่งสิ้นหวัง

สำหรับตัวประกันที่ถูกจับทั้ง 17 คนนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า จากการประสานช่องทางการทูตกับอิสราเอล ณ วันนี้ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ โดยวันนี้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ จะคุยกับบางประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าตัวประกันจะปลอดภัย พร้อมแสดงความเห็นใจครอบครัวตัวประกัน แต่ยอมรับยังติดต่อไม่ได้จริงๆ เราใช้ทุกช่องทางอยู่แล้ว และยังไม่มีข่าวร้ายออกมา ถือว่าเรายังมีความหวัง เราทำเต็มที่ ไม่ได้สิ้นหวัง

...

ย้ำเป้าหมายไม่ใช่คนไทย

เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตคนไทยที่สูงขึ้น จะทำให้เรามีการปรับท่าทีหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าที เราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลาง จะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เป็นที่น่าเสียใจที่เราเกิดความสูญเสียอันดับต้นๆ เพราะเรามีแรงงานอยู่ในประเทศนั้นเยอะ เขาคงไม่ได้เจาะจงมาทำร้ายคนไทย ตนคิดเช่นนั้น เราไม่มีส่วนในความขัดแย้ง เราพยายามช่วยเจรจาทั้งสองฝ่ายจุดมุ่งหมายของเราคือนำคนไทยที่เป็นตัวประกันออกมาให้ได้อย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ส่วนคนที่ไม่ใช่ตัวประกันและต้องการเดินทางกลับ ต้องให้กลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด และย้ำไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมาย และแรงงานไทยไม่ได้เป็นชาติเดียวที่อยู่ตรงนั้น เชื่อว่าทางฮามาสไม่ได้เจาะจงที่แรงงานไทยโดยเฉพาะ

แรงงานเครียดนอนไม่หลับ

ด้าน นพ.ชลน่านให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมสุขภาพแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอลว่า ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกระทรวงสาธารณสุข มีแรงงานที่ขนย้ายเข้ามาในวันที่ 15ต.ค.จำนวน 90 ราย เป็นผู้ชาย 88 ราย ผู้หญิง 2 รายจากการตรวจคัดกรองแรงงานทั้งหมดไม่พบปัญหาสุขภาพจิตใจ การตรวจกรองที่พบมากที่สุดคือปัญหาสุขภาพกาย มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นสะเก็ดบาดแผล 1 ราย ปวดบวมมือเล็กน้อย 1 ราย ส่วนตัวเลขแรงงานที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เริ่มมีจำนวน 161 ราย เป็นผู้ชาย 158 ราย ผู้หญิง 3 ราย ในจำนวนนี้มีการตรวจพบผู้ที่มีบาดแผลเพียง 7 ราย และมีการส่งตัวไปรักษาต่อทั้งหมด 3 ราย ขณะนี้ผู้บาดเจ็บ 2 ราย สามารถเดินทางกลับบ้านได้แล้ว เหลือผู้ป่วยเพียง 1 ราย ที่ยังต้องรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตาก ส่วนผู้ป่วยที่ต้องคัดกรองเรื่องสุขภาพจิต พบว่ามีความเครียด 5 ราย นอนไม่หลับ 7 ราย ตื่นตัวหรือตื่นเต้นมากเกินไป 5 ราย มีความจำเป็นต้องส่งพบจิตแพทย์ 3 ราย

...

คนไทยตายเพิ่มอีก 4 ศพ

นอกจากนี้ มีรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งสถานะคนไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอล ณ วันที่ 15 ต.ค.2566 มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4 ราย ทำให้ยอดรวมเสียชีวิต 28 ราย ผู้บาดเจ็บยังอยู่ที่จำนวน 16 ราย และผู้ที่ถูกจับไปมีเพิ่มขึ้น 1 ราย ทำให้มียอดถูกจับเป็นตัวประกันเขยิบไปที่ 17 ราย

ชุด 3 กลับมา 90 คน

สำหรับบรรยากาศการเดินทางกลับของแรงงานไทยในอิสราเอล ที่เดินทางกลับถึงไทยเป็นชุดที่ 3 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 15 ต.ค. พลเรือเอกสิทธิชัย ต่างใจ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานฯ อู่ตะเภา พล.ร.ต.เดือน พร้อมมณี ผู้บัญชาการกองการบินทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล นายสืบหมื่น โพธิ์สิน รองอธิบดีกรมจุดหางาน และ พล.ต.ต.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จ.ระยอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ มาอำนวยความสะดวกให้กับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลจำนวน 90 คน โดยสายการบิน Fly Dubai เที่ยวบินที่ FZ8991 หลังจากเครื่องบินลงสู่สนามบินอู่ตะเภา คนไทยทั้ง 90 คน แยกเป็นชาย 88 คน หญิง 2 คน ได้ผ่าน การตรวจสอบคนเข้าเมืองและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน ที่ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขา เจ้าหน้าที่พาตัวไปรักษาทันที ส่วนที่เหลือทางการได้เตรียมรถบัส 3 คัน จัดส่งคนไทยทั้งหมดไปพักผ่อนที่โรงแรม SCPARK กรุงเทพฯ เพื่อรอให้ญาติพี่น้องมารับกลับภูมิลำเนาต่อไป ทั้งนี้ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่ยังคงรอการกลับบ้าน ส่วนใหญ่พักอยู่ที่ศูนย์พักคอยที่มีความปลอดภัย รัฐบาลจะทยอยพากลับมาจนครบทุกคน

...

ต่างเสียขวัญและเครียด

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายนัฐพงษ์ นวลจันทร์ อายุ 35 ปี แรงงานไทยที่ออกจากอาคารสนามบินเป็นคนแรก มีสภาพได้รับบาดเจ็บที่ขาด้านขวา ไม่สามารถเดินได้ เจ้าหน้าที่ต้องจัดรถวีลแชร์มารอรับก่อนส่งตัวไปยังรถพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยนายนัฐพงศ์ให้สัมภาษณ์ว่า ไปทำงานเป็นลูกจ้างทำสวนเกษตร ประเภทผักสลัด ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่ติดกับฉนวนกาซา ร่วมกับเพื่อนคนไทยอีกประมาณ 10 คน ขณะนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆได้ยินเสียงระเบิดและอาวุธปืนดังสนั่น จึงพากันหมอบเพื่อเอาชีวิตรอด แต่สุดท้ายพบว่าตัวเองถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขาขวา 2 แห่ง จึงร่วมกับเพื่อนพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ ขณะนั้นยังไม่มีทหารของอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือ กระทั่งมาถึงพื้นที่ปลอดภัยจนได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว และยืนยันจะไม่กลับไปทำงานอีกแล้วจะหางานทำที่จังหวัดอุดรธานีบ้านเกิดดีกว่า เช่นเดียวกับนายวีรยุทธ ปัญญาประชุม อายุ 35 ปี หนึ่งในคนไทยที่เดินทางกลับมาเปิดเผยว่า เตรียมเดินทางกลับบ้านที่ จ.ชลบุรี ดีใจมากที่รอดชีวิตกลับมาได้ หลังจากมีระเบิดตกลงมาในสวนที่ทำงานอยู่ เพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย โดยเห็นเพื่อนตายไปต่อหน้า เพราะอยู่ห่างกันแค่ 10 เมตร ตนเองต้องหมอบคลานหนีตาย โชคดีที่รอดชีวิตมาได้และคงไม่กลับไปอีก หากสถานการณ์ยังตึงเครียดแบบนี้ขอให้รัฐบาลเร่งอพยพคนไทยกลับประเทศโดยเร็ว เพราะทุกคนต่างเสียขวัญ และเครียดกับการรอกลับบ้านเกิด

โผกอดครอบครัวร่ำไห้

จากนั้นในเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 6 โรงแรมเอสซี ปาร์ค กรุงเทพฯ สถานที่รับรองแรงงานไทย ทั้ง 90 คน โดยมีครอบครัวของแรงงานมารอรับอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน รอให้การต้อนรับและให้ลงทะเบียนรับสิทธิประโยชน์จากกระทรวงแรงงาน ซึ่งทันทีที่ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของญาติและครอบครัว หลังต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตจนคิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว แรงงานหลายคนโผเข้ากอดคนในครอบครัว ซึ่งมีทั้งพ่อแม่ภรรยามารอรับ ต่างร้องไห้สะอึกสะอื้นและอุ้มลูกน้อยที่ภรรยาพามารอรับด้วยความคิดถึง ส่วนใหญ่บอกว่าโล่งใจและอบอุ่นใจที่ได้กลับประเทศไทยและจะไม่ไปอิสราเอลอีกแล้ว

แฉกลุ่มฮามาสกราดยิงดะ

ทั้งนี้ นายไชยะ สังข์บุตร ชาว จ.อุดรธานี หนึ่งในแรงงานไทยที่เดินทางกลับมา กล่าวหลังโผกอดมารดาและลูกชายวัย 11 ขวบ ที่มารอรับด้วยความดีใจว่า ตอนกลุ่มฮามาสบุกเข้ามาที่แคมป์คนงานต้องปีนหนีขึ้นไปแอบบนหลังคาเพื่อเอาชีวิตรอดดีใจที่ได้กลับมา ทุกคนที่อิสราเอลอยากกลับบ้านเร็วที่สุด แต่ยังมีบางพื้นที่การช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึง ขณะที่นายสมชาย บุตรศรี แรงงานจาก จ.ชัยภูมิ ได้รับการสวมกอดจากลูกชายวัย 11 ขวบ ที่วิ่งเข้ามากอดด้วยความดีใจและบอกว่ารอพ่อมานานและจะไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว โดยนายสมชายเปิดเผยถึงการหลบหนีกลุ่มฮามาสที่บุกเข้ามายิงในแคมป์คนงานตลอด 3 วัน ต้องซ่อนตัวไม่มีอาหาร มีแต่น้ำประทังชีวิต กลุ่มฮามาสจะยิงดะไปหมด ตอนนั้นกลัวมาก กลัวจะไม่ได้กลับบ้าน

เล็งประสานหางานให้ใหม่

ต่อมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวว่า กลุ่มนี้เป็นแรงงานชุดที่ 3 ที่ได้แจ้งความประสงค์ไว้กับสถานทูตฯ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถพาแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่ยังมีแรงงานไทยบางส่วนแจ้งความจำนงจะขออยู่ทำงานที่อิสราเอลต่อไป ในส่วนนี้หากเกิดภาวะวิกฤติจริงๆ คงต้องพากลับมาทั้งหมด ส่วนการกลับไปทำงานใหม่อีกครั้ง กระทรวงแรงงานได้แจ้งนายกฯ ไปแล้วว่าผู้ที่ยังไม่หมดสัญญา จะพยายามติดต่อให้กลับไปทำงานเมื่อเหตุการณ์สงบ จึงขอให้สบายใจ หรือถ้าไม่ประสงค์ไปอิสราเอลก็สามารถแจ้งมายังกระทรวงแรงงาน เพื่อเดินทางไปทำงานยังประเทศอื่นๆแทน

รับกลับไทยแล้ว 187 คน

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานว่า มีแรงงานไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน จำนวน 17 ราย เสียชีวิตรวม 28 ราย บาดเจ็บ 16 ราย ยังไม่สามารถระบุชื่อได้ 1 ราย กรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์การเดินทางกับทางสถานทูตฯ จำนวน 7,540 ราย จำแนกเป็นผู้ที่ขอเดินทางกลับประเทศไทย จำนวน 7,446 ราย และ แจ้งความประสงค์ไม่ขอกลับ จำนวน 94 ราย และขณะนี้ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว จำนวน 187 ราย

ไม่พบมีปัญหาสุขภาพจิต

สำหรับผลการคัดกรองสุขภาพแรงงานไทยที่กลับมาชุดที่ 3 นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)ระยองว่า สธ.ได้มอบหมายให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคที่ 6 ชลบุรี กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค สนามบินอู่ตะเภา สสจ.ระยอง สำนักงานสาธารณสุขอำเภอบ้านฉาง รพ.บ้านฉาง รพ.ระยอง และศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 ชลบุรี ปฏิบัติงานร่วมกับการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คัดกรองสุขภาพผู้เดินทาง ใช้เวลาคัดกรองประมาณ 1 ชั่วโมง เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย รายแรกมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด ส่วนอีกรายปวดบวมที่มือขวาเล็กน้อยจากการหกล้ม ทั้ง 2 รายได้รับการดูแลที่จุดปฐมพยาบาลที่สนามบิน ภาพรวมถือว่าอาการดี สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ ส่วนการประเมินคัดกรองด้านสุขภาพจิต ไม่พบผู้มีปัญหาแต่อย่างใด

ธ.ก.ส.เล็งยกหนี้แรงงานที่ตาย

ส่วนการช่วยเหลือแรงงานไทยจากอิสราเอลเพิ่มเติม หลังจากหลายครอบครัวต้องแบกภาระหนี้สินจากการเดินทางไปทำงานเป็นเสาหลักของครอบครัวนั้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในส่วนของกระทรวงการคลัง ได้หารือกับนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือคนไทยจากอิสราเอล การประเมินเบื้องต้นมีลูกค้าของ ธ.ก.ส.ที่เข้าข่ายประมาณ 150 ราย วงเงินกว่า 10 ล้านบาท สำหรับมาตรการช่วยเหลือคนไทยที่ประสบภัยจากสงครามที่อิสราเอลกรณี ถ้าเสียชีวิต จะให้ช่วยเหลือด้วยการยกหนี้ให้ทั้งหมด ส่วนกลุ่มแรงงานที่เดินกลับประเทศอย่างปลอดภัย ธนาคารจะช่วยเหลือด้วยการลดดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.01 เป็นเวลา 3 ปี และพักเงินต้นกับดอกเบี้ยให้เป็นเวลา 1 ปี โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. เห็นชอบภายในสิ้นเดือนนี้

ทอ.จัดเครื่องไปรับตลอด ต.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเดินทางไปรับคนไทยกลับอีกเที่ยวบิน ซึ่งเป็นลอตที่ 4 เป็นภารกิจของกองทัพอากาศนั้น พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยว่า กองทัพอากาศส่งเครื่องบินลำเลียงแบบ A340-500 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา บินไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียน ประเทศอิสราเอล หลังได้รับอนุญาตให้บินผ่านน่านฟ้า 10 ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อาเซอร์ไบจาน อาร์มิเนีย ตุรกี ไซปรัส และอิสราเอล โดยจะกลับมาถึง บน.6 ในเช้าวันที่ 16 ต.ค. นอกจากนี้ กองทัพอากาศวางแผนการบินต่อเนื่องรวม 6 เที่ยวบิน จนถึงสิ้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้การช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยจะมีการใช้เครื่องบินสลับกันระหว่างกองทัพอากาศและเครื่องบินพาณิชย์ ส่วนภารกิจการรับแรงงานไทยในอิสราเอลครั้งนี้ ถือเป็นเที่ยวบินแรกของกองทัพอากาศ ส่วนเที่ยวบินที่ 2 ที่จะเดินทางไปรับแรงงานไทยกำหนดไว้วันที่ 18 ตุลาคมนี้ ส่วนกำหนดการเวลาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

กต.แจงเหตุ ทอ.ต้องบินอ้อม

บ่ายวันเดียวกัน นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีมีคำถามหรือข้อสงสัยว่าทำไมเครื่องบินแอร์บัส A340-500 ของกองทัพอากาศที่จะไปอพยพคนไทยออกจากอิสราเอล ต้องบินผ่านน่านฟ้า 10 ประเทศ ต้องใช้เวลาบินยาวนาน ทำไมไม่บินตรงไปอิสราเอลเลยนั้น ขอชี้แจงว่าบางประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล ทำให้ไม่สามารถบินผ่านน่านฟ้าของประเทศนั้นไปยังอิสราเอลได้ เราพยายามเร่งดำเนินการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของประเทศต่างๆ อย่างเต็มที่ และได้รับการอนุญาตในเวลาที่สั้นมาก

“วันนอร์” ขอทุกฝ่ายร่วมช่วยคนไทย

วันเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า จากที่ได้พูดคุยกับทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้รับแจ้งว่าเขาจะดูแลคนไทยที่อยู่ในอิสราเอลเหมือนพลเมืองของเขา จะร่วมมือทุกอย่างกับประเทศไทยอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นจากที่หารืออย่างไม่เป็นทางการกับคนไทยชาวชีอะฮ์ ซึ่งเป็นองค์กรทางศาสนาที่มีเครือข่าย สามารถติดต่อกับทางอิหร่าน และกลุ่มฮามาส รวมถึงปาเลสไตน์ได้ว่า วิกฤติอย่างนี้เราต้องช่วยกัน เขายินดีติดต่อช่องทางที่สามารถทำได้ ซึ่งได้ข้อมูลตรงกับทางรัฐบาลว่าคนไทยที่ถูกจับตัวไปปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อชีวิต เขาดูแลดี แต่สิ่งที่ได้รับการแนะนำคือการอพยพคนในพื้นที่โดยรอบฉนวนกาซาออกมาโดยเร็ว พร้อมยืนยันถือเป็นหน้าที่อยู่แล้ว ทางสภาทำทุกช่องทางที่ทำได้ ประชาชนคนอื่นอาจจะมีช่องทาง เช่น องค์การทางศาสนา องค์กรทางการค้า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน องค์กรไหนที่พอช่วยได้ ก็อยากให้ช่วย

ก.แรงงานโต้ข่าวเก็บค่ารถแพง

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.บุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน ถึงกรณีสื่อออนไลน์ให้ข้อมูลเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปทำงานที่อิสราเอลของกรมการจัดหางาน เก็บค่ารถไปสนามบินสุวรรณภูมิคนละ 2,500 บาท ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง การเดินทางไปทำงานประเทศอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอลเพื่อการจัดหางาน” (TIC) มีการเก็บค่าใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น ประมาณ 71,020 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) เป็นค่าใช้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยแรงงานส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใน กทม.ประกอบกับการไปทำงานมีสัญญาจ้างสูงสุด 5 ปี 3 เดือน เวลาเดินทางจะมีสัมภาระเยอะมาก ต้องใช้บริการแท็กซี่ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง กรมการจัดหางานจึงอำนวยความสะดวกเหมารถบัสเพื่อช่วยประหยัดค่าโดยสาร ซึ่งราคาจะเป็นการเฉลี่ยต่อหัวต่อเที่ยวขึ้นอยู่กับว่าเที่ยวนั้นๆมีแรงงานโดยสารรถบัสกี่ราย ส่วนใหญ่ไม่เกินเที่ยวละ 30 ราย เฉลี่ยค่ารถที่ 200 บาท

ทำพิธีสืบชะตาหนุ่มดอกคำใต้

ขณะที่บรรยากาศภายในครอบครัวแรงงานไทยที่กลับถึงภูมิลำเนาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนใหญ่เริ่มจัดพิธีรับขวัญตามประเพณีท้องถิ่น โดยเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 15 ต.ค.บริเวณบ้านของนายกรัชกร หรือโจ้ พุทธสอน ที่ ต.ถ้ำ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่ถูกยิงเข้าที่หัวเข่าด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บในการสู้รบที่ประเทศอิสราเอล และทางการไทยไปรับกลับมาเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา และเดินทางมาพักที่บ้าน และทางญาติได้ช่วยกันตระเตรียมเครื่องประกอบพิธี สืบชะตา เรียกขวัญให้กับนายโจ้ เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อของคนในถิ่นล้านนา โดยพิธีจะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค. เวลา 09.00 น. ญาติผู้ใหญ่และญาติมิตรได้จัดทำพิธีสะเดาะเคราะห์เรียกรับขวัญ โดยนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป มาทำพิธีให้ที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อไป ตามขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของท้องถิ่น

พ่อช็อกรู้ข่าวลูกถูกยิงดับคารถ

ส่วนที่บ้านป่าหวาย ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายพิทักษ์ โทแหล่ง อายุ 54 ปี แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางนงลักษณ์ มุ่งหมาย อายุ 52 ปี น้องสาวคนตาย ว่า พี่ชายเคยแต่งงานมีภรรยาและบุตร 2 คน แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้วเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเกือบ 20 ปี มีภรรยาที่อิสราเอล มีบุตรด้วยกัน 1 คน ปกติพี่ชายจะติดต่อกับทางบ้านเป็นระยะ แต่เมื่อวันที่ 9 ต.ค.มีเหตุสู้รบ ญาติๆเห็นภาพคนที่ถูกยิงตายข้างถนนแล้ว ยืนยันว่าเป็นนายพิทักษ์ ซึ่งพ่อ หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย ก็ร้องไห้ฟูมฟายทันที อีกทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดถึงแต่ลูกชาย พ่อมีอาการนิ่งและเหม่อ ลูกๆต้องคอยดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด ส่วนวันเกิดเหตุ ทราบจากเพื่อนแรงงานว่าได้ยินเสียงปืนหลายนัด และพากันหนีหาที่หลบแล้วมีเด็กวิ่งไปบอกว่าพี่ชายถูกยิงในรถที่ใช้ขับทำงานจนรถพรุนทั้งคัน ก่อนที่กลุ่มฮามาสจะถีบร่างไร้วิญญาณของนายพิทักษ์ทิ้งอยู่กลางถนนในพื้นที่ใกล้กับฉนวนกาซา

เครื่อง ทอ.เที่ยวแรกเทกออฟแล้ว

มีรายงานว่าเมื่อเวลา 19.27 น. (เวลาประเทศไทย) เครื่องบิน A-340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบิน RTAF218 ETA มุ่งหน้า บน.6 เทกออฟจากสนามบินนานาชาติ Ben Gurion อิสราเอล คาดว่าจะเดินทางถึง บน.6 ในเวลาประมาณ 07.00 น. ของวันที่ 16 ต.ค. มีคนไทยที่เดินทางมากับเที่ยวบินนี้จำนวน 130 คน มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยจากการหกล้ม (ก่อนหน้าที่จะเกิดการสู้รบ) 1 คน มีอาการขาเจ็บ และแขนหัก (ผ่าตัดมาแล้ว) 1 คน มีคนที่มีอาการหวัด 5 คน (ตรวจ ATK แล้วผลเป็นลบ) โดยในไฟลท์บินนี้มีเด็กผู้หญิงอายุ 5 ขวบ 1 คน (เป็นลูกของข้าราชการสถานทูตไทย) เป็นผู้หญิง 2 คน เป็นผู้ชาย 127 คน โดยผู้โดยสารคนอื่นๆ สุขภาพและกำลังใจดี

ฮามาสโบ้ยยิวทำดับเพิ่ม 9

สำหรับสถานการณ์ความรุนแรงจากการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาส สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า โฆษกกองพันอัล คาสซาม หน่วยรบหัวกะทิของกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์หรือกลุ่มฮามาส เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีตัวประกันภายใต้ความดูแลของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาเสียชีวิตเพิ่มอีก 9 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติไม่ระบุสัญชาติ 4 คน ซึ่งบังเอิญสอดคล้องกับที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยออกมาระบุว่า มีแรงงานไทยเสียชีวิตอีก 4 ราย สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการโจมตีของกองทัพอิสราเอลต่อพื้นที่ที่ตัวประกันเหล่านี้ถูกควบคุมตัวไว้ ขณะที่ก่อนหน้าไม่กี่วัน ก็เพิ่งมีตัวประกันเสียชีวิตในพื้นที่ต่างๆของฉนวนกาซา 13 คน ในจำนวนนั้นเป็นคนไทย 3 ราย ส่งผลให้ยอดตัวประกันที่เสียชีวิตเพิ่มเป็น 22 คน จากยอดรวมที่กลุ่มฮามาสอ้างว่าจับกุมไว้ประมาณ 150-200 คน ซึ่งมีทั้งทหาร พลเรือน และชาวต่างชาติ

ตั้งเป้าสังหารแกนนำฮามาส

ส่วน พ.ท.โจนาธาน คอนริคัส โฆษกกองทัพอิสราเอล (IDF) เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นสหรัฐฯ ยืนยันว่าตัวประกันที่ถูกฮามาสจับตัวไป 150-200 คน คาดว่าถูกนำตัวไปกักตัวในอุโมงค์หรืออาคารใต้ดินทั่วฉนวนกาซา กองทัพอิสราเอลขอยืนยันว่าเราให้ความสำคัญลำดับต้นในเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน แต่ยอมรับว่าการปฏิบัติการในพื้นที่ประชากรหนาแน่นถือเป็นเรื่องที่ยากมาก กองทัพอิสราเอลขอย้ำอีกครั้งว่าจะไม่โจมตีพลเรือน แต่ต้องไม่ลืมว่าศัตรูมีความโหดเหี้ยมและพร้อมที่จะใช้กลยุทธ์ทุกอย่าง รวมถึงการใช้อาคารพลเรือนในการทหาร หรือการใช้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เป็นโล่มนุษย์ ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส อ้างว่า กองทัพอิสราเอลมีแผนใช้ทหาร 10,000 นายเข้ายึดเมืองกาซา ซิตี ในฉนวนกาซา และมีภารกิจหลักคือสังหารนายยาห์ยา ซินวอร์ แกนนำกลุ่มฮามาส

ปาเลสไตน์ตายทะลุ 2.3 พันศพ

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานบรรยากาศบริเวณพรมแดนอิสราเอล-ฉนวนกาซา ว่า เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวของกองทัพอิสราเอล หน่วยรบรถถังเมอร์คาวาพร้อมยานเกราะถูกส่งเข้าไปประจำตามจุดต่างๆ เพื่อรอสัญญาณบุกฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งคืนที่ผ่านมานายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้เดินสายแวะเยี่ยมเยียนหน่วยรบต่างๆตามจุดรวมพล ปลุกขวัญกำลังใจ ถามไถ่บรรดาทหารราบว่าพร้อมกันหรือยัง กำลังเสริมกำลังเติมเข้ามาเรื่อยๆ เราจะปฏิบัติการโจมตีอย่างหนักหน่วงทั้งทางบก เรือ และอากาศ ส่วนหน่วยงานสาธารณสุขปาเลสไตน์ปรับยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาเพิ่มเป็น 2,329 ศพ บาดเจ็บ 9,714 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตฝั่งอิสราเอลอยู่ประมาณ 1,300 ศพ บาดเจ็บกว่า 3,400 คน


อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่