นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย มีเป้าหมายการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของพื้นที่ และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวร้อยละ 15 ของพื้นที่ประเทศ ภายในปี 2580 ขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ป่าอยู่ที่ร้อยละ 31.68 เท่านั้น การเพิ่มพื้นที่ป่าอีกร้อยละ 9 หรือ 27 ล้านไร่ จึงเป็นความท้าทาย ดังนั้น กรมป่าไม้จึงได้นำระบบ eTree แพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ เพื่อช่วยในการลงทะเบียนต้นไม้และบริหารจัดการไม้ ส่งเสริมให้เกิดป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน ทั้งช่วยปลดล็อกให้เกิดการปลูกและการตัดจำหน่ายอย่างถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตรับรองถูกต้อง ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าให้ถึงเป้าหมาย

อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวต่อว่า แพลตฟอร์ม eTree จะช่วยในการรองรับการลงทะเบียนการปลูกไม้เศรษฐกิจสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่าตาม พ.ร.บ.สวนป่าได้ และจะอำนวยความสะดวกเกษตรกร ทั้งในด้านบริหารจัดการไม้ในที่ดินและจัดทำหนังสือสำแดงความถูกต้องด้วยตนเอง การตัดไม้ที่ขึ้นในที่ดินและนำขนย้ายไปจำหน่าย โดยมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินสำหรับซื้อขายเป็นรายต้น/ท่อน และแบบน้ำหนัก/ปริมาตร จากข้อมูลต้นไม้ที่ได้ลงทะเบียนไว้ นอกจากนี้ระบบดังกล่าว ยังได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่า หากจัดทำข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะสามารถลดความเสี่ยงของไม้และสินค้าไม้ผิดกฎหมายที่จะเข้ามาหมุนเวียนในตลาด และสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิดได้ เมื่อไม้และสินค้าไม้ในตลาดนั้นมาจากกระบวนการปลูกและทำไม้ที่ถูกกฎหมาย ตลาดสินค้าไม้จะขยายตัวและเกิดการค้าไม้ที่ยั่งยืนขึ้นในประเทศไทย

“การตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิด จะทำให้ผู้ซื้อและผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาจากไม้ที่ปลูกและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานของการค้าไม้ เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงจากการค้าโดยไม่ต้องลักลอบตัดไม้ ผู้ประกอบการสามารถทำการค้าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมการค้าไม้ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละหลายหมื่นล้านบาท และยังช่วยส่งเสริมให้เกิดการปลูกป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน บรรลุเป้าหมายการเพิ่มพื้นที่ป่าได้ตามเป้าหมายไม่น้อยกว่า 40% และก่อให้เกิดการค้าไม้อย่างยั่งยืนขึ้นในประเทศไทย” อธิบดีกรมป่าไม้กล่าว.

...