"ไชยา" สั่งด่วน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เติมน้ำเขื่อนหลัก 31 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรับมือภัยแล้งก่อนหมดฤดูฝน ดีเดย์อีก 3-4 วัน เริ่มโปรยฝนเติมน้ำเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ แนวทาง "โฟกัสแบบเต็มอิ่ม"
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 66 นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งต่อปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) เป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้เกิดภาวะความแห้งแล้งในประเทศไทย เพราะความแห้งแล้งอาจทำให้เกิดไฟป่าทำลายระบบนิเวศ การเตรียมการป้องกัน และบรรเทาปัญหา จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมการรับมือถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีฝนตกในทุกภูมิภาค แต่ก็ยังไม่สามารถเติมน้ำให้กับเขื่อนเพื่อเป็นทุนสำรองในการรับมือปรากฏการณ์เอลนีโญได้
"ในฐานะที่ผมดูแลกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้รับรายงานจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงสั่งให้เร่งเติมน้ำให้กับเขื่อนหลักหลายแห่งใน 5 ภูมิภาค เนื่องจากมีปริมาณกักเก็บน้ำไม่ถึงร้อยละ 50 ของความจุอ่าง ซึ่งบางแห่งมีปริมาณน้ำไม่ถึงร้อยละ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความจุอ่าง ซึ่งอาจทำให้ไม่มีน้ำเพียงพอให้ประชาชนได้ใช้ ในช่วงฤดูแล้ง โดยเฉพาะเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีน้ำไม่ถึงร้อยละ 40 ซึ่งหากเกิดฝนทิ้งช่วงก็จะส่งผลกระทบต่อเขื่อนรองลงมา ที่จะไม่สามารถส่งน้ำให้กับเกษตรกร และพี่น้องประชาชนมีน้ำใช้ในการอุปโภคและบริโภคที่เพียงพอ" รมช.เกษตรฯ กล่าว
...
นายไชยา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร นายวีรวัฒน์ อังศุพาณิชย์ รองอธิบดีด้านปฏิบัติการ เร่งจัดทำฝนหลวงทันที ตามแผนจะเริ่มในวันที่ 25 ก.ย. กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะทำการประชุมวางแผนเพื่อทำฝนหลวงร่วมกับทีมฝนหลวงซึ่งมีอยู่จำนวน 11 ศูนย์ทั่วประเทศ จากเครื่องบนที่สามารถใช้การได้จำนวน 19 ลำ ที่คาดว่าจะสามารถทำให้ฝนตกบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ได้ภายใน3-4 วันนี้ จากนั้นก็จะทำการทยอยเติมน้ำในรูปแบบโฟกัสแบบอิ่มตัวด้วยศาสตร์พระราชา
นายไชยา กล่าวอีกว่า เหตุผลของการทำฝนหลวงคือการเติมเต็มเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ เพราะแม้ว่าขณะนี้จะมีฝนตก แต่น้ำฝนก็ไม่ได้ตกเข้าไปในเขื่อนจึงทำให้น้ำต้นทุนเหลือน้อย อีกทั้งในอนาคตเมื่อเริ่มหมดฤดูฝน ก้อนเมฆบนฟ้าก็จะไม่มีพลังงาน ไม่มีความชื้นเพียงพอ จะเป็นเรื่องยากที่จะทำฝนเทียม การทำฝนหลวงได้นำสูตรของศาสตร์พระราชามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดก่อนที่จะหมดฤดูฝนนี้ ซึ่งแนวทางนั้นในจุดที่มีการปฏิบัติการทีมฝนหลวงจะขึ้นบินโปรยสารเคมี เพื่อทำให้ก้อนเมฆเกิดพลังงาน ให้มีการก่อตัวยกตัวขึ้นก่อน จากนั้นทีมฝนหลวงก็จะทำการโจมตีก้อนเมฆด้วยสารเคมี และทำให้เกิดฝนตกลงมาตรงเป้าหมายได้ ทั้งนี้ภายหลังจากปฏิบัติการที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เรียบร้อย กรมฝนหลวงและการบินเกษตรก็จะดำเนินการทำฝนต่อเนื่อง เพื่อเติมเขื่อนสำคัญๆ ให้ครบ 31 เขื่อน ตามแผนของกรมชลประทานในทุกภูมิภาค โดยก่อนการทำฝนหลวงจะคำนึงถึงความปลอดภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำ และความจำเป็นตามแผนเติมน้ำของกรมชลประทานต่อไป.