2 อุทยานฯ “ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่-น้ำตกตาดโตน ชัยภูมิ” ห้ามนักท่องเที่ยว ลงเล่นน้ำเด็ดขาด หลังน้ำป่าไหลทะลักแรง ขณะที่หลายจังหวัดในอีสานยังจมน้ำ พื้นที่เกษตรเสียหายเพียบ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำสั่งเตรียมอพยพคน ขณะที่ภาคกลาง-ตะวันออกจ่อคิว เมื่อร่องมรสุมจ่อเลื่อนลงมาพาดผ่านในสัปดาห์นี้ ด้าน ชป.12 แจ้ง 7 ผู้ว่าฯ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา “อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี” มีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ส่งผลพื้นที่ริมน้ำท้ายเขื่อนมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ย้ำจะควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนฯไม่เกิน 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไม่ให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร

ผลจากฝนที่ตกหนักในตอนบนของประเทศไทยติดต่อมาหลายวัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม บ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรเสียหายจำนวนมาก รวมถึงต้นไม้โค่น ดินสไลด์กีดขวางทางสัญจรหลายจุด โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกหนักและลมพัดแรงในเขต อ.เมืองเชียงราย เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ต้นไม้และกิ่งไม้หักโค่น ขวางถนนหมายเลข 1022 พื้นที่หมู่ 17 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย รถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของปางช้างเผือกเชียงราย & mini zoo ดังนั้น เมื่อลมฝนสงบลง ทางปางช้างได้พาช้างเพศผู้ชื่อ “พลายแดนสยาม” ซึ่งแสนรู้และเฉลียวฉลาดออกมาร่วมกับชาวบ้านช่วย ชักลากต้นไม้ใหญ่ออกไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันเก็บกวาดกิ่งไม้ใบไม้ออกไป ทำให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ตามปกติ

...

ส่วนที่ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เกิดเหตุดินสไลด์ กีดขวางทางสัญจรและถนนทรุดตัวที่ถนนทางหลวงชนบท (ทล.ชบ.) ชม.4063 ระหว่างบ้านปางจำปี ม.7 ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน ติดต่อกับ ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด เบื้องต้น อบต.ห้วยแก้ว พร้อมหน่วยงาน ต่างๆ นำรถไถและรถตัดแต่งกิ่งไม้มาปรับสภาพถนน ให้รถกลับมาสัญจรได้เป็นปกติ ขณะที่ถนนในหมู่บ้าน ม.3 ต.ออนเหนือ อ.แม่ออน ทรุดตัวเป็นบริเวณกว้าง เบื้องต้น อบต.ออนเหนือ เข้ามาปรับสภาพถนน และทำป้ายเตือนผู้ใช้ถนน ทล.ชบ. ระหว่าง ม.1 และ ม.3 ต.ออนเหนือแล้วเช่นกัน

สำหรับ อ.แม่แจ่ม หลังฝนตกหนักทั้งคืนที่ผ่านมา ทำให้แม่น้ำแจ่มล้นตลิ่ง น้ำเอ่อไหลเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ บริเวณบ้านแพม ต.ช่างเคิ่ง และ ท่วมถนน รถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ มีการปิดเส้นทาง การจราจรบริเวณสะพานข้ามลำน้ำแจ่มระหว่างบ้านเจียงกับบ้านพุทธเอ้น ต.ช่างเคิ่ง ไม่ให้รถทุกชนิดผ่าน เนื่องจากกระแสน้ำป่ามาแรง รวมไปถึงเส้นทางข้ามสะพานระหว่างบ้านทัพกับบ้านป่าแดด ต.บ้านทัพ ไม่สามารถเดินทางได้เช่นกัน

ขณะที่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ก็เริ่มออกเตือนภัยเช่นกัน โดยนายเกรียงไกร ไชยพิเศษ หัวหน้า อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ออกประกาศเตือนเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ หลังจากเมื่อวันที่ 16-17 ก.ย. มีฝนตกชุกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยเตือนมิให้ผู้ใดลงเล่นน้ำในแหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำตกลำธารและลำห้วยหลักหรือลำห้วยสาขาต่างๆ พร้อมทั้งขอให้ผู้อาศัยริมลำห้วยที่ไหลจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ในเขต อ.จอมทอง และ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เฝ้าระวังการ เกิดภัยพิบัติ ส่วนผู้ใช้เส้นทางถนน ทล.1009 จอมทอง-ดอยอินทนนท์ ถนน ทล.1192 ดอยอินทนนท์-แม่แจ่ม ถนนสาย ชม.4016 ขุนกลาง-ขุนวาง ควรระวังผิวจราจรลื่นและต้นไม้หักโค่น สำหรับราษฎรในพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำห้วยให้เก็บสิ่งของขึ้นที่สูง จนกว่าสถาน การณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ

ที่ จ.กำแพงเพชร ที่มีฝนตกติดต่อกันสองวันที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองธรรมชาติหมู่ที่ 5 ต.หัวถนน อ.คลองขลุง มีระดับน้ำสูงขึ้น บางช่วงเริ่มเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมถนน เป็นระยะทางประมาณ 20 เมตร และน้ำไหลไปที่ลุ่มต่ำเข้าท่วมขังบริเวณบ้านเรือนประชาชนบางส่วน ทำให้ชาวบ้านต้องเร่ง ช่วยกันกรอกทรายลงกระสอบก่อนขนมากั้นป้องกันน้ำท่วมเข้าไปในบ้านเรือน เช่นเดียวกับหลายตำบลของ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ที่มีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำท่วมใน ต.ตาดกลอย ต.ศิลา บางแห่งระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยหลังคาเรือน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออก เฉียงเหนือหลายจังหวัดยังน่าห่วง โดยนายธนทร ศรีนาค ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า จากกรณีน้ำในลำห้วยกองสี ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี ได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนมิตรภาพ (อุดรธานี-ขอนแก่น) ขาออก จ.ขอนแก่น บริเวณหน้าโรงงาน น้ำตาลเกษตรผล ระดับน้ำสูงราว 50 เซนติเมตร และมีกระแสน้ำที่ไหลแรงนั้น ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ย. ระดับน้ำในลำห้วยลดลงเล็กน้อย ทำให้น้ำ ที่ไหลล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนมิตรภาพ หน้าโรงงานน้ำตาล ลดลง ทำให้ถนนมิตรภาพ ฝั่งขาออกอุดรธานี รถทุกชนิด สัญจรไปมาได้แล้ว ส่วนฝั่งขาเข้าอุดรธานี หรือฝั่ง โรงงานน้ำตาล ระดับน้ำยังท่วมเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร ยังต้องปิดการจราจรอยู่ ให้ใช้ทางเบี่ยงแทน

...

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำใน จ.สกลนคร ว่า ระดับน้ำในแหล่งน้ำหลายแห่งเพิ่มสูงขึ้นจนเต็มความจุและเกินความจุกักเก็บ โดยที่อ่างเก็บน้ำห้วยเดียก บ.นาคำ อ.เมืองสกลนคร เจ้าหน้าที่ติดตั้งป้ายเตือนระดับธงแดง หมายถึงระดับวิกฤติที่อาจเกิดน้ำท่วมได้ หลังปริมาณเกินความจุและล้นปากกระโถนแล้ว รวมถึงให้เตรียมอพยพเก็บย้ายสิ่งของไปยังที่ปลอดภัย ในขณะที่ทะเลสาบหนองหาร แหล่งน้ำขนาดใหญ่ ของสกลนคร ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนเต็มความจุเก็บกัก จ่อล้นสปิลเวย์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำโดยเปิดประตูระบายน้ำแขวนทั้ง 3 บาน ส่งผลให้บาง พื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตรเริ่มมีน้ำท่วมขัง

ส่วนที่บ้านท่าเรือ ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นชุมชนติดเขื่อนลำปาวยังคงมีน้ำท่วมขังจากปริมาณน้ำหนุนสูง มีบ้านเรือนที่พักอาศัย 9 หลังคาเรือนได้รับผลกระทบ ปริมาณน้ำยังทรงตัว ทั้งนี้สถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาว ณ ปัจจุบัน มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,833 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 92 จากความจุอ่าง

ด้าน จ.ขอนแก่น ที่เจอน้ำท่วมหนักจากฝนที่ตกต่อเนื่อง เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 17 ก.ย. ที่บ้านหินนกอิง ม.15 ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง เกิดเหตุต้นจามจุรี ขนาดใหญ่อายุกว่า 50 ปี ริมถนน เลียบคลองชลประทาน โค่นทับรถเทรเลอร์ ทะเบียนสมุทรปราการ บรรทุกสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่งที่วิ่งผ่าน ทำให้รถเสียหายสายไฟฟ้าขาดจนเกิดประกายไฟ ต่อมาเจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานได้เข้ามาตัดกิ่งจามจุรี นำออกจากรถและไม่ให้ขวางถนน เปิดเส้นทางให้สัญจรได้สะดวกขึ้น ขณะที่ถนนทางหลวงสายอำเภอน้ำพองมุ่งหน้าไปถนนมิตรภาพ ซึ่งถนนเลนขาออก แตกและทรุดหายไป 1 เลน ทำให้การสัญจรไม่สะดวก ล่าสุดเจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงที่ 1 และเจ้าหน้าที่จากศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 2 (ขอนแก่น) กรมทางหลวงนำสะพานแบริ่ง ขนาดความยาว 30 เมตร มาวางในจุดที่ถนนทรุด เพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้สะดวกแล้วและมีการซ่อมแซมถนนในระยะต่อไป

...

ขณะที่ภาพรวมน้ำท่วมในเขตเมืองขอนแก่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศบาลบ้านเป็ด นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้มีการระบายน้ำลงบึงหนองโคไปแล้วบางส่วน เหลือน้ำค้างอยู่รอบโรงเรียนคนตาบอดและกระจายตามพื้นที่อื่นๆ คาดว่าจะใช้เวลาระบายที่จุดโรงเรียนคนตาบอด 5-7 วัน หากไม่มีฝนตกเพิ่ม

ที่ จ.ชัยภูมิ นายนพวงค์ พฤษชาติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตนประกาศเตือนว่า เนื่องจากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา บริเวณเทือกเขาภูแลน ด้านบนอุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดโตน ต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ เกิดฝนตกหนักติดต่อกัน หนักสุดในรอบปีนี้ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลแรงบวกกับน้ำจากเขื่อนลำประทาวที่ล้นสปิลเวย์ ไหลผ่านลงน้ำตกตาดโตนจำนวนมาก ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.นี้เป็นต้นไป ห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำบริเวณน้ำตกตาดโตนเด็ดขาด จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ แต่นักท่องเที่ยว ยังมานั่งรับประทานอาหาร นั่งชมวิวและถ่ายรูปได้

ขณะที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้ออก ประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและริมแม่น้ำมูล เตรียมรับมือกับอุทกภัย โดยให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และพร้อมอพยพเนืิ่องจากน้ำในแม่น้ำมูลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 17 ก.ย.วัดได้ 111.38 ม.รทก.เหลืออีก 62 ซม.ถึงระดับตลิ่งอยู่ในระดับเตือนภัย ซึ่งขณะนี้เริ่มมีชาวบ้านบางส่วนจากชุมชนเกตุแก้วและชุมชนท่าบ้งมั่ง อพยพมายังศูนย์พักพิงชั่งคราวโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำแล้ว

...

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายวัชระ ไกรสัย ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ว่า ได้ออกหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และจังหวัดลพบุรี เรื่องสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 1/2566 เนื่องจากปัจจุบันมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาไหลลงเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราที่เพิ่มขึ้น ข้อมูล ณ เวลา 06.00 น.วันที่ 17 ก.ย.ตรวจวัดปริมาณน้ำไหลผ่าน สถานี C2 จ.นครสวรรค์ ได้ 665 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้น อยู่ระดับ +16.50 ม.รทก.

ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 300-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ริมน้ำมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ถึง ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 1.00-1.50 เมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ดังกล่าวยังคงอยู่ในตลิ่งลำน้ำ ทั้งนี้สำนักงานชลประทานที่ 12 จะควบคุมปริมาณการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ด้วยการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมิให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลกระทบให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าในระหว่างวันที่ 19-23 ก.ย.นี้ ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีกำลังอ่อนลง และจะเลื่อนลงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย จะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร จึงขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง