ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กำหนดจัดทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1 ปี 2566 โดยเปิดรับสมัครวันที่ 4-22 ก.ย.2566 เป็นการจัดสอบครั้งแรกของรายวิชาครูผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคุรุสภาได้พัฒนาระบบ อิเล็กทรอนิกส์ข้อสอบมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ข้อสอบมี 2 วิชาคือ วิชาครู และวิชาเอกเท่านั้น แต่สำหรับนักศึกษาครูที่เข้าเรียนปีการศึกษา 2562-2565 จะได้รับการยกเว้นการสอบวิชาเอก ดังนั้นใครที่สอบผ่านวิชาเอกรอบที่แล้วสามารถรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้นได้เลย ส่วนผู้ที่ตกค้างจะมาจัดสอบในครั้งนี้ จะใช้ศูนย์สอบของ ก.พ.ทั้งหมดใน 5 ภูมิภาค ส่วนที่ไม่สามารถจัดสอบในมหาวิทยาลัยได้ เพราะความพร้อมระบบการใช้งานคอมพิวเตอร์ในมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องเลือกใช้มหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์สอบของ ก.พ.จัดเป็นหน่วยสอบแทนจำนวน 20,000 ที่นั่ง แบ่งการสอบเป็น 4 รอบ คือ รอบที่ 1 วันที่ 11-12 พ.ย. รอบที่ 2 วันที่ 12 พ.ย. รอบที่ 3 วันที่ 25 พ.ย. และรอบที่ 4 วันที่ 26 พ.ย.
เลขาธิการคุรุสภากล่าวอีกว่า หลังจัดสอบและ ประกาศผลสอบครั้งที่ 1 ในเดือน ธ.ค.2566 หรือต้นเดือน ม.ค.2567 คุรุสภา จะประกาศรับสมัครและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูอีกในปีการศึกษา 2567 โดยจะประกาศรอบสอบจำนวน 10 ครั้ง เช่น ในเดือน ม.ค.2567 จะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 6-21 ม.ค.2567 และจะจัดสอบ 10 ครั้ง โดยรอบแรก จัดสอบประมาณวันที่ 3 ก.พ.2567 เป็นต้น เชื่อว่าการเปิดทดสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ครั้งที่ 2 นี้ จะเก็บนักศึกษาได้ประมาณ 50,000 คน และตั้งแต่เดือน เม.ย.-ก.ย.2567 คุรุสภาจะเปิดทดสอบทุกเดือนตลอดทั้งปี ดังนั้น นักศึกษาครูที่ลงทะเบียนไม่ทันก็ไม่ต้องกังวลว่าคุรุสภาจะจัดทดสอบครั้งเดียว เชื่อว่าปีการศึกษาหน้าจะมีนักศึกษาครูได้ลงทะเบียนทดสอบขอมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูครบทั้ง 90,000 คนอย่างแน่นอน
...
“คุรุสภาอาจสื่อสารเข้าใจผิดทำให้ผู้สมัครสอบที่จบสายครูตีความว่าการทดสอบดังกล่าวจะจัดทดสอบครั้งเดียว แต่ความจริงคุรุสภายังเปิดให้ลงทะเบียนทดสอบอีกหลายครั้ง ขอฝากให้นักศึกษาครูทุกคนอย่าปิดกั้นโอกาสนักศึกษาครูชั้นปีที่ 3 และ 4 ว่าไม่ควรเข้ามาลงทะเบียนทดสอบ ขอฝากว่าอย่าปิดกั้นกันเลย ทุกคนมีโอกาสที่จะสอบและคุณสมบัติที่จะสอบเหมือนกัน” ผศ.ดร.อมลวรรณกล่าว.