เซ็นทรัลและโรบินสัน ผนึกกำลัง "กรมป่าไม้" ชวนคนไทยปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น

ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน ผนึกกำลัง กรมป่าไม้ จัดแคมเปญ "CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023" ชวนคนไทย "ปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น" เพิ่มกรีนสเปซกว่า 490 ไร่ทั่วประเทศ 

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 มีรายงานว่า เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2566 ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกกำลัง กรมป่าไม้ จัดแคมเปญ "CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023" (เซ็นทรัล / โรบินสัน เลิฟ ดิ เอิร์ธ 2023) ชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียว "ปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น" ในพื้นที่ราว 490 ไร่ เพื่อคืนสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและยั่งยืนที่สุด

โดยได้จัดงานเสวนา "CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023 TALK" ไปเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งภายในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแชร์ประสบการณ์ และการรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน, คุณเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, คุณอสิตา วิมลไชยจิต เจ้าของ Asita Eco Resort, คุณฐาปนีย์ พัววรานุเคราะห์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ล็อกซิทาน ประเทศไทย, คุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Qualy, คุณพิไลภรณ์ นําศิริวิวัฒน์ Marketing manager Nameco และคุณเต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ นักแสดง / ผู้ร่วมก่อตั้ง EEC Thailand

ทั้งนี้ คุณเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จริงๆ แล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมของเราค่อนข้างเยอะ เรื่องที่สำคัญที่สุดที่เราเจอคือเรื่อง Climate Change เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ อย่างเดือนที่แล้วอุณหภูมิของประเทศไทยแตะ 50 องศาเซลเซียส จากปัญหาสิ่งแวดล้อมทำให้เราสิ้นเปลืองพลังงาน งบประมาณค่อนข้างมาก ซึ่งกระทบความเป็นอยู่ของคนเรา และยังมีเรื่องปัญหาขยะ น้ำเสีย มลพิษ เป็นอีกส่วนที่เราเจอกันอยู่ทุกวัน การที่เราทำโครงการพื้นที่สีเขียวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลดปัญหามลพิษ 

คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน กล่าวว่า ทางห้างฯ มุ่งมั่นที่จะสานต่อพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนทั้งของเซ็นทรัลกรุ๊ป ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว 50,000 ไร่ทั่วประเทศ ภายในปี 2573 รวมถึงพันธกิจของเซ็นทรัล รีเทล ในฐานะค้าปลีกแรกของไทยที่เป็นองค์กรต้นแบบเพื่อความยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ "CRC ReNEW" ประกอบด้วย Reduce Greenhouse Gases ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ Navigate Well-being Society สร้างสังคมให้น่าอยู่ Eco-friendly Packaging ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Waste Management การจัดการขยะมูลฝอย 

ที่ผ่านมาทางห้างฯ มีโปรเจกต์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญและประสบความสำเร็จในการดำเนินการจนถึงปัจจุบันมากมาย เช่น Say No to Plastic Bags ที่สามารถงดการแจกถุงพลาสติกได้สำเร็จ 100%

การสนับสนุนสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่าง Central Edition ที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสร้างสรรค์โดยชุมชนต่างๆ ในไทย พร้อมจับมือกับ 24 ไทยดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่นำวัสดุเหลือใช้กลับมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้เกิดประโยชน์ควบคู่กับการใช้ทักษะของคนในชุมชน เพื่อสร้างและกระจายรายได้สู่ชุมชน

และล่าสุดกับโปรเจกต์ Organic Zone ในแผนกบิวตี้ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมซึ่งถือเป็นครั้งแรกของห้างฯ ในไทยที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ความงามที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง การประหยัดพลังงานขานรับกับเทรนด์การบริโภคอุปโภคในห้างฯ อย่างที่จอดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อม EV Charger การติด Solar Rooftop และการใช้ไฟ LED เพื่อลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการตกแต่งห้างฯ ที่มุ่งเน้นใช้วัสดุท้องถิ่นและธรรมชาติ เพื่อลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด

อีกทั้งแคมเปญ Recycling ต่างๆ ที่ช่วยลดแนวโน้มการเกิดปริมาณขยะ เช่นล่าสุดกับแคมเปญ Beauty Waste Corner Separation ที่ลูกค้าสามารถนำบรรจุภัณฑ์ความงามที่ใช้แล้วมาบริจาคเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งการ Recycle และแปรรูปเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะเริ่มในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ และโปรเจกต์สำคัญในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องในปีนี้กับ “CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023” ที่ห้างฯ มุ่งมั่นในการเป็นเครือข่ายร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนคืนสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อมด้วยสองมือของทุกคนเพื่อส่งต่อโลกในเวอร์ชันที่ดีที่สุดให้กับลูกหลานเราในอนาคต

ด้านคุณเต้ย จรินทร์พร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่เห็นการตื่นตัวของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เชื่อว่าเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นไปอีก ในตอนนี้ตนทำเรื่อง EEC Thailand กับ คุณอเล็กซ์ เรนเดล และเพิ่งจบปริญญาโทสาขาสังคมศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล ในมุมมองของตนมองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ มีหลายหัวข้อ อย่างสิ่งที่ชัดเจนมากคือโลกเรารวนมากๆ แล้ว และเรื่องพื้นที่สีเขียวเองก็สำคัญ ส่วนตัวเคยทำโปรเจกต์ชื่อกอดป่ากอดทะเล เรียนรู้พื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ด้วย ทำให้รู้ว่าเราต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวขึ้นจริงๆ ซึ่งตอบโจทย์กับแคมเปญฯ นี้อย่างมาก

คุณอสิตา วิมลไชยจิต เจ้าของ Asita Eco Resort กล่าวว่า Asita Eco Resort อยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม เราเป็นรีสอร์ตเล็กๆ แต่ในพื้นที่ 10 ไร่ แบ่งพื้นที่ 50% ให้กับลูกค้าเพื่อนำธรรมชาติเข้ามา โดยใน 50% แบ่ง 20% เป็นส่วนของน้ำ อีก 30% เป็นพื้นที่สีเขียว สำหรับ Eco คอนเซปต์ของเรา นอกจากช่วยรณรงค์ในเรื่องของลดโลกร้อนแล้วใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสนับสนุนของชุมชนแบ่งปันคืนกำไรให้สังคมด้วย และมีนโยบายอย่างชัดเจน ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการนำเปลือกไข่มาทำปุ๋ย มีธนาคารขยะให้พนักงานช่วยแยกขยะอย่างมัประสิทธิภาพ มีการดีไซน์ห้องพักให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้มากที่สุดเพื่อลดการใช้พลังงาน มีถังใต้ดินรองรับน้ำฝน แล้วเอาน้ำคลองมากรองเป็นน้ำกร่อยเพื่อใช้ลดน้ำต้นไม้ รวมทั้งนำของจากชุนชนมาวางขายที่ลอบบี้ด้วย 

ด้านคุณฐาปนีย์ พัววรานุเคราะห์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ล็อกซิทาน ประเทศไทย กล่าวว่า ทางแบรนด์ล็อกซิทาน มี 3 หัวข้อใหญ่ๆ เริ่มจากวัตถุดิบของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดแอลมอนด์ เมล็ดเชีย เราร่วมมือกับองค์กรจากฝรั่งเศสเพื่อสร้างสรรค์ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศมากที่สุด การเก็บเกี่ยวต่างๆ เราคำนึงถึงระบบนิเวศเป็นอันดับแรก ปัจจุบันได้ปลูกต้นแอลมอนด์ทดแทนไปแล้วกว่า 2 หมื่นต้น ส่วนการเก็บเกี่ยวเชียบัตเตอร์ เราไม่เคยเก็บเกี่ยวจากต้นเลยเพราะจะทำให้ระบบนิเวศเสีย เราจะเก็บเกี่ยวเมล็ดที่หล่นลงพื้นแล้วเท่านั้น และระหว่างนั้นจะปลูกพื้ชทดแทนไม่ให้หน้าดินเสียและเป็นอาหารให้ดิน เพื่อให้พร้อมต่อการปลูกวัตถุดิบในขั้นต่อไป

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าต้องเป็นพลาสติก แต่ภายในปี 2525 พลาสติกทั้งหมดของแบรนด์จะทำมาจากรีไซเคิล 100% และย่อยสลายได้ 100% และสุดท้ายเราเป็นพันธมิตรที่ดีกับเซ็นทรัลมาโดยตลอด ในการให้พื้นที่ทำโปรแกรม Big Little Things โดยนำบรรจุภัณฑ์ความงามแบรนด์ใดก็ได้ที่ทำความสะอาดและเช็ดแห้งแล้วมาให้เรา แล้วเราจะรวบรวมไปให้ GC เพื่อนำไปแยกรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่

คุณพิไลภรณ์ นําศิริวิวัฒน์ Marketing manager Nameco กล่าวว่า บริษัทเราผลิตพลาสติกเครื่องใช้ภายในบ้านกว่า 60 ปีแล้ว จนกระทั่งเราเห็นผลกระทบของพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อม เราจึงตั้งใจลดการใช้พลาสติกให้น้อยลงที่สุด โดยการใส่วัสดุธรรมชาติเข้าไป แต่ก็มีความแข็งแรง เพื่อให้ใช้ซ้ำได้อย่างยาวนาน และสามารถย่อยสลายได้โดยการฝังกลบ ส่วนตัวใช้หลักง่ายๆ คือ Reduce Reuse Recycle

ด้านคุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Qualy กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ดีใจที่ได้เจอทุกท่าน ทำให้เราไม่รู้สึกว่าเราต่อสู้เรื่องนี้อย่างโดดเดี่ยว ยังมีอีกหลายคนผลักดันเรื่องนี้ โดยเฉพาะแคมเปญนี้มีประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมคือ มีพื้นที่ขายของ หมายถึงว่า เราเปิดโอกาสให้คนที่พยายามทำเรื่องแบบนี้มีพื้นที่ เพราะเวลาเราทำสินค้าปกติ ไม่ได้ยากในการโฆษณา แต่หากเราจะบอกให้คนมาซื้อของที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมต้องพูดเพิ่มหลายเท่า จึงเป็นเรื่องที่ดีมากในการจัดแคมเปญฯ นี้ และเชื่อว่าในอนาคตผู้บริโภคที่มาใช้บริการห้างร้านที่มีนโยบายเหล่านี้อาจจะง่ายและไม่ต้องปรับตัว เพราะทุกสิ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม เวลาอยากตากแอร์ก็มีไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ 

สำหรับรายละเอียดแคมเปญ “CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023” ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสัน ได้เดินหน้าผนึกกำลังกับ “กรมป่าไม้” ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมภารกิจเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วทุกภูมิภาคด้วยการ “ปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ในพื้นที่ราว 490 ไร่ทั่วประเทศ” โดยทุกๆ การช็อปสินค้าในแคมเปญฯ ในแผนกโฮมเครื่องใช้ไฟฟ้า และบิวตี้ จะได้รับสิทธิ์ลงชื่อออนไลน์เพื่อแสดงเจตจำนงในการร่วมภารกิจดังกล่าว

โดยความร่วมแรงร่วมใจของคนไทยในแคมเปญครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 465.5 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือสามารถดูดซับ CO2 จำนวน 14,347.2 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยให้อุณหภูมิลดลงเฉลี่ย 1-2 องศาเซลเซียส ควบคู่ไปกับการชวนคนไทยร่วมสานต่อ 4 กรีนมิชชั่นรักษ์โลก ไม่ว่าจะเป็น

1. Say No to Plastic Bags รณรงค์ช็อปไม่รับถุง ปัจจุบันห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสันงดการแจกถุงพลาสติกในห้างทุกสาขาทั่วประเทศ

2. รณรงค์ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในห้างทั่วประเทศ ดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมใช้วัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ หรือรีไซเคิลได้ ลดการใช้วัสดุพลาสติกแบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง ดีต่อชุมชน สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างงานสร้างอาชีพ และกระจายรายได้สู่ชุมชน 

3. ร่วมกับเซ็นทรัล ทำสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เปิดพื้นที่สนับสนุน-จำหน่ายสินค้าชุมชนที่ผลิตจากวัสดุในพื้นถิ่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำ สนับสนุนสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทุกกลุ่มสินค้าในห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสันทุกสาขา 

4. ห้างเซ็นทรัลและห้างโรบินสันร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเซ็นทรัลกรุ๊ป เพิ่มพื้นที่สีเขียว 50,000 ไร่ทั่วประเทศ ภายในปี 2573 

นอกจากนี้ยังมีหลากหลายกิจกรรมรักษ์โลก เอาใจสายกรีนตลอดเดือนมิถุนายน ดังนี้

Workshop DIY: ชวนร่วมสนุกกับกิจกรรม Workshop DIY รักษ์โลกร่วมปลูกไม้ประดับในวัสดุเหลือใช้ที่นำกลับมา Reuse ใหม่กลายเป็นกระถางต้นไม้สุดเก๋ พร้อมแต่งแต้มสีสันสุดสนุก สำหรับลูกค้าห้างเซ็นทรัลที่ช็อปสินค้าครบ 1,500 บาท และลูกค้าห้างโรบินสันที่ช็อปสินค้าครบ 1,000 บาทขึ้นไป ในแผนกโฮม, Small Appliance และบิวตี้ ในแคมเปญ “CENTRAL / ROBINSON LOVE THE EARTH 2023” เฉพาะวันที่ 3, 4 ,10 และ 11 มิถุนายน 2566 ที่ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันทุกสาขาทั่วประเทศ

Educational Display: เพลิดเพลินไปกับบูธรักษ์โลกสุดสร้างสรรค์ที่ถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมชวนทุกคนร่วมภารกิจและมิชชั่นเพื่อโลกของเรา ตั้งแต่วันที่ 1-19 มิถุนายน 2566 ที่ห้างเซ็นทรัลและโรบินสันทุกสาขา

การบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของกรมป่าไม้ ผ่านมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเซ็นทรัล กรุ๊ป ตลอดเดือนมิถุนายน 2566.