"กรมควบคุมโรค" เตือนประชาชนระวังอันตรายจาก "พายุฤดูร้อน" พร้อมแนะวิธีเตรียมความพร้อม เพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัย
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้วตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งในช่วงนี้ในหลายพื้นที่เกิดพายุฤดูร้อน ทำให้มีฝนตกหนัก มีลมแรง ดังนั้นประชาชนควรระมัดระวังการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง ใกล้ต้นไม้สูงใหญ่ หรือป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง เพราะอาจเกิดการหักโค่น หรือหล่นทับทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
สำหรับแนะนำให้ประชาชนเตรียมตัวป้องกันพายุฝน ลมแรง ควรเตรียมตัว ดังนี้
1. ติดตามพยากรณ์อากาศเป็นประจำ
2. สังเกตท้องฟ้า เมื่อเห็นว่าฝนใกล้จะตกให้รีบกลับเข้าบ้านหรือหาที่หลบ
3. ตัดกิ่งไม้ หรือต้นไม้ที่อาจตกลงมาใส่ ซึ่งอาจเกิดอันตรายถึงบาดเจ็บและเสียชีวิตได้
4. ตรวจสอบอาคารบ้านเรือนให้มั่นคง แข็งแรง
5. จัดเก็บสิ่งของในบ้านที่อาจเสียหายหรือปลิวตามกระแสลม
6. ติดตั้งสายดินที่อุปกรณ์ไฟฟ้า
7. จัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นไว้ใช้ยามฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย ยา อาหารแห้ง เป็นต้น
8. วางแผนการเดินทางและสังเกตอาคารที่กำบังที่มีความแข็งแรง ปลอดภัย
9. เมื่อพบเห็นเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ชำรุด หรือไม่แข็งแรงให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทางด้าน นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่ประชาชนพบพายุฝน ลมแรง ควรมีการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากอันตราย ดังต่อไปนี้
1. หากอยู่ในบ้านให้รีบปิดประตูและหน้าต่างให้มิดชิด
2. ปลดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ออกในช่วงที่ฝนตกฟ้าคะนอง
...
3. หากอยู่ข้างนอกให้รีบเข้าไปในอาคารหรือหาที่กำบังที่แข็งแรง
4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้า หรืออาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรง
5. อยู่ห่างจากวัตถุหรือรั้วที่เป็นโลหะ
6. งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือสื่อสาร
7. หากกำลังตกปลาหรือว่ายน้ำให้ขึ้นจากน้ำทันที และออกห่างจาก แหล่งน้ำ
8. หากอยู่บนรถให้หาที่จอดที่ปลอดภัย
9. อยู่ภายในอาคารหรือที่กำบังอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากพายุฝนได้สงบลง เพราะยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่า
10. เมื่อได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่หมายเลข 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ หากพบเห็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ควรให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทรขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน เบอร์ 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้บาดเจ็บและสถานที่เกิดเหตุให้ทราบ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422.