กระทรวง ทส. เร่งเดินหน้าเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน ตั้งเป้า 300,000 ไร่ ใน 10 ปี สร้างคาร์บอนเครดิต "เพิ่มรายได้-ลดโลกร้อน" มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
วันที่ 22 เม.ย.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงประเทศไทยมีภารกิจเร่งด่วนเรื่องการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศ เราต้องมีการปรับตัว ไม่ง่ายแต่ต้องเรียนรู้ จะต้องเร่งมือให้เร็วขึ้น ที่ผ่านมามีการผลักดัน พ.ร.บ.เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรม Climate Change เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายของโลก และของประเทศภายในปี 2050 เพราะปัญหาโลกร้อนเวลาเกิดไม่ได้เลือกว่าจะเกิดกับใคร กระทบหมดทั่วโลก จึงต้องสร้างจิตสำนึกในกับประชาชน
ปลัดกระทรวง ทส. กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่ช่วยต่อสู้กับโลกร้อนได้ก็คือ “ต้นไม้” เพราะทำหน้าที่เป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศโลกได้ราว 1 ใน 3 ของปริมาณที่ประเทศต่างๆ ในโลกปล่อยออกมาในแต่ละปี สหประชาชาติระบุว่าตั้งแต่ปี 1990 โลกสูญเสียพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 2,625 ล้านไร่ ส่วนใหญ่เพื่อการทำเกษตรกรรม ดังนั้นการฟื้นฟูป่าไม้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยการปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซค์ได้ ไม้ยืนต้น 1 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 9-15 กิโลกรัมต่อปี
...
เป็นที่รู้กันแพร่หลายว่า “ป่าชายเลน” หรือที่เรียกกันว่า “ป่าโกงกาง” เพราะเป็นพืชหลักของป่าชายเลน มีระบบนิเวศที่สำคัญต่อสภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่งทะเล เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยดูดซับน้ำเสียจากชุมชนก่อนไหลลงสู่ทะเลได้ ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันการกัดเซาะพังทลาย กำบังคลื่นลม และเป็นแหล่งประมงชายฝั่งที่มนุษย์ใช้หาอยู่หากิน หรือใช้เป็นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ฯลฯ
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ฉายภาพเพื่อย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลน ว่า ประเทศไทยมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ 1.5 ล้านไร่ ความสำคัญของป่าโกงกางนอกจากการซับคาร์บอน ยังแหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำนานาชนิดที่เข้ามาเพาะพันธุ์
“ป่าชายเลนมีการคำนวณล่าสุดดูดซับคาร์บอนได้ถึง 8-9 เท่า กระทรวงฯ จะเดินหน้าเพิ่มพื้นที่ป่าต่อไป ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภาพถ่ายจากดาวเทียมพบว่าป่าโกงกางในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2 แสนไร่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ก็มาจาความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน กระทรวงฯ มีเป้าหมายว่าจะลงไปทุกจังหวัดเพื่อคุมเรื่องการปล่อยคาร์บอน ตั้งเป้าจะลงไปถึงระดับท้องถิ่น กระทรวงฯ ตื่นตัวมากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ใน 2025 คาดว่าจะเห็นการมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นทั้งป่าบกและป่าชายเลน”
“ต้องการเห็นเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเกี่ยวกับอนาคตของลูกหลาน ทุกกระทรวงต้องเคลื่อนไปพร้อมกัน ถามว่าทำไมถึงต้องมีกรม Climate Change ก็เพราะต้องการให้เกิดการบูรณาการ ไม่ได้เพิ่มคน เพียงแค่ปรับองคาพยพ รวมการทำงาน ใช้งบประมาณเดิม แต่เพิ่มภารกิจให้ชัดเจน” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าว
ขณะที่เรื่องการพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนในเมืองไทยมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง มีความพยายามจะขับเคลื่อนในการฟื้นฟูป่าชายเลน โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ตั้งเป้าฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิต 300,000 ไร่ ภายใน 10 ปี หนึ่งในนั้นที่เป็นตัวอย่างให้เห็นเชิงประจักษ์ก็คือ “ป่าในเมืองระยอง” ที่ถือเป็นอัญมณีหนึ่งเดียวของจังหวัด มีความสมบูรณ์ของผืนป่าชายเลนและทรัพยากรทางทะเล มีสะพานทอดยาวล้อมรอบด้วยป่าชายเลน ทางเดินยาว 7 กิโลเมตร ที่อาจจะยาวสุดในโลกก็ว่าได้ อยู่บนพื้นที่ 500 ไร่ ในจำนวนนี้จะถูกนำมาสร้างคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน
“ตอนนี้ในบ้านเราเรื่องคาร์บอนเครดิตถือเป็นวงจรใหญ่กว่าเดิมมาก มีเอกชนหลายแห่งต้องการเข้ามามีส่วนร่วม เพราะตลาดคาร์บอนเครดิตขายได้ สร้างรายได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะต้องไปประสานกับกรมป่าไม้ และกรมชายฝั่ง” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย
...
สอดคล้องกับที่ นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 10 ปี ตั้งแต่ปี 2565 จะเพิ่มพื้นที่ป่าใช้เลนในภายใต้โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตจำนวน 300,000 ไร่ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตสำหรับบุคคลภายนอก คือ เปิดโอกาสให้หน่วยงานเอกชนหน่วยงานต่างๆ เข้ามาร่วมโครงการปลูกป่า อีกส่วนหนึ่งก็คือเป็นโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชนที่ดูแลป่าชุมชนชายฝั่งต่างๆ เครือข่ายอนุรักษ์ต่างๆ ที่ดูแลป่าดูแลความอุดมสมบูรณ์
“แผนที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดย ทช.วางเป้า 10 ปีจะต้องเพิ่มพื้นที่ป่าได้ 300,000 ไร่ ซึ่งในปี 65 สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้ประมาณ 40,000 ไร่ ในขณะปี 66 ได้มีหลายภาคส่วนจองปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งกรมฯ กำลังจะประกาศพื้นที่เป้าหมายประมาณช่วงปลายเมษายน หรือพฤษภาคม อีกประมาณ 3-4 หมื่นไร่ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม จะช่วยในการดูดซับคาร์บอนลดการเรือนกระจก และเพิ่มปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังเดินหน้าประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดประชุมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้แก่พี่น้องประชาชน ให้ได้รู้จักว่าการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต นอกจากจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังสามารถเป็นแหล่งสร้างอาชีพและรายได้คืนสู่ชุมชน ฉะนั้นแล้วชุมชนท้องถิ่นและชุมชนชายฝั่งจึงเป็นกำลังสำคัญในการดูแล ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าชายเลนอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต เพื่อปรับตัวเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ และช่วยให้มีพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายอภิชัย กล่าว
...
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ได้ให้คำมั่นเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อควบคุมการเพิ่มของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส และมุ่งพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส โดยประเทศไทยมีเป้าหมายเพื่อนำพาประเทศไทยก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 โดยเฉพาะเดินหน้าส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนเครดิต ให้เป็นรูปธรรมผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน นำศักยภาพทางด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังในเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งการจะทำให้สำเร็จได้ต้องร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันคนละไม้คนละมือในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์โลกร้อน.