น.ส.แรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) เปิดเผยว่า ได้วางนโยบายขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุปี 2566 โดยกำหนดเป้าหมายมุ่งเน้นให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคง เป็นพลังพัฒนาสังคม มีแนวทางที่เน้นสร้างความเข้มแข็ง หรือ STRONG ประกอบด้วย S-Standard ยกระดับมาตรฐานการดูแลให้ทั้งผู้สูงอายุ เครือข่ายมีความเข็มแข็ง T-Teamwork การร่วมมือทำงาน R-Right การคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ O-Opportunity เปิดโอกาสการมีส่วนร่วม N-Network สนับสนุนภาคีเครือข่าย G-Growing การเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน น.ส.แรมรุ้งกล่าวว่า ปัจจุบันอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุมี 69,000 คน

ขณะที่มีผู้สูงอายุติดบ้าน 195,864 คน ผู้สูงอายุติดเตียง 41,424 คน เทียบสัดส่วนอาสาสมัครที่มีกับผู้สูงอายุที่ต้องได้รับการดูแลถือว่ายังเพียงพอ แต่ผู้สูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นปีละ 1,000,000 คน จำเป็นต้องพัฒนาอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง จึงกำหนดเป้าหมายการผลิตอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ 4,600 คนต่อปี และตนอยากขยายโรงเรียนผู้สูงอายุให้มีทุกตำบลทั่วประเทศ ปัจจุบันมีอยู่ 2,396 แห่ง ปีนี้มีเป้าขยายเพิ่มเท่าที่จะดำเนินการได้ โดยร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียนผู้สูงอายุเป็นอีกกลไกสำคัญที่ช่วยชะลอการติดบ้านติดเตียงสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีกิจกรรม ต่างๆตามบริบทของพื้นที่ที่พาผู้สูงอายุออกมาทำกิจกรรมอยู่ร่วมกับสังคม

อีกทั้งตนมีแนวคิดที่จะทำเดย์แคร์ (day care) สถานที่ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนคล้ายกับเนิร์สเซอรีดูแลเด็กเล็กระหว่างพ่อแม่ไปทำงาน ลดภาระลูกหลาน ซึ่งบางคนต้องลาออกจากงานเพื่อไปดูแลผู้สูงอายุทำให้ขาดรายได้ โดยต้นเดือน พ.ค.จะหารือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ดำเนินการนำร่องพื้นที่ที่มีความพร้อม รวมทั้งจะปรับแก้ระเบียบกองทุนผู้สูงอายุให้ลูกหลานที่ดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนนี้ไปประกอบอาชีพได้.

...