นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ประธานคณะกรรมการ MIU (MOPH Intelligence Unit) เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้จัดระบบประกันสุขภาพให้กับกลุ่มแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน โดยมีการศึกษาวิจัยสถานการณ์การจัดระบบประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จ.ตาก รวม 30 คน โดยเป็นผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในพื้นที่ชายแดน และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดระบบประกันสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าว ทั้งที่เข้ามาโดยใช้ passport และ border pass
นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ผลการศึกษาพบประเด็นสำคัญ 4 เรื่องคือ 1.ระบบข้อมูลสารสนเทศปัจจุบันยังมีปัญหาทั้งความครบถ้วน ความถูกต้องและทันเหตุการณ์ ไม่สามารถนำมาใช้บริหารจัดการระบบประกันสุขภาพตามบทบาทและภารกิจของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ได้ 2.มีช่องว่างของการจัดระบบประกันสุขภาพของ สธ.กับระบบการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวของกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 กรณีแรงงานต่างด้าวมาตรา 64 (พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560) และการขายประกันสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าวที่รอสิทธิประกันสังคมของบริษัทประกันภัย ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย 3.รูปแบบการจัดบริการตรวจสุขภาพยังเป็นลักษณะตั้งรับ ทำให้นายจ้างมีภาระในการนำแรงงานต่างด้าวไปรับบริการที่โรงพยาบาล และ 4.มีข้อจำกัดในการขยายความครอบคลุมของระบบประกันสุขภาพในพื้นที่ชายแดน ทำให้ยังมีคนต่างด้าวบางกลุ่มในชุมชนที่เข้าถึงยาก
นพ.รุ่งเรืองกล่าวอีกว่า จากผลการวิจัยดังกล่าว จึงมีข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไขประกาศ เรื่อง การตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว สธ. พ.ศ.2563 และมาตรการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว พ.ศ.2563 ใน 3 ประเด็น ได้แก่ เพิ่มกลุ่มแรงงานต่างด้าว มาตรา 64 ที่นำเข้ามาทำงานในพื้นที่ชายแดนตามประกาศกระทรวงแรงงาน, ปรับปรุงรูปแบบการจัดบริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวที่สถานประกอบการหรือชุมชน และระบบติดตามกำกับคุณภาพการตรวจสุขภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน และเร่งรัดการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้บริหารจัดการและติดตามประเมินผลการจัดระบบประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว และเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับกระทรวงแรงงาน หรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง.
...