เคพีไอ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 บริบูรณ์ในเดือนสิงหาคม 2566 นี้ กรุงไทยพานิชประกันภัย ในฐานะบริษัทประกันวินาศภัยไทย ที่มากด้วยประสบการณ์ด้านประกันภัยและให้บริการอยู่คู่คนไทยมาตลอด 70 ปี หลายๆ คนคงอยากรู้จัก เคพีไอ ให้มากขึ้นโดยเฉพาะวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กร แนวทางที่น่าสนใจที่ เคพีไอ มีในวันนี้คือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาใน 5 ด้านที่ยึดตามหลักสากล หรือ SDGs จึงนับเป็นเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญของการดำเนินงานให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ขององค์กรเพื่อ "ส่งมอบบริการประกันภัยที่เป็นมิตร" ซึ่งหมายถึงการเดินเคียงข้างสังคมและผู้บริโภคอย่างเข้าใจมากกว่าแค่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ที่ผู้คนต้องการมากกว่าแค่หลักประกัน การมอบความจริงใจทั้งต่อผู้บริโภคและสังคมที่แสดงออกรอบด้านอย่างเป็นรูปธรรมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน
พร้อมส่งมอบความเป็นมิตรและจริงใจ
"Serving Friendly Insurance Services" หรือการส่งมอบประกันภัยที่เป็นมิตร เป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของ เคพีไอ ดร.พงษ์ภาณุ ดำรงศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การส่งมอบบริการประกันภัยที่เป็นมิตรของ เคพีไอ จะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันทั้ง 4 มิติ ไม่ว่าจะเป็น มิติต่อผู้บริโภค (Customers/Consumers), พันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partners), พนักงานและครอบครัว (Staff & Families) รวมถึงต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม (Community, Society and Environment) ซึ่งมิติความรับผิดชอบต่อชุมชนสังคม เคพีไอ เราให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เราจึงมีนโยบายการบริหารงาน ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัท หรือ "Step for Tomorrow Sustainability" หรือ "เคพีไอ ก้าวอย่างมุ่งมั่นเพื่อวันข้างหน้าที่ยั่งยืน" เพื่อสนับสนุนให้เกิดโครงการและกิจกรรมต่างๆ ภายใต้การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เคพีไอ เราใส่ใจต่อการสนับสนุน พัฒนาและสร้างโอกาส เพื่อดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการลงมือทำกิจกรรมและโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักในการพัฒนา 5 ด้าน ทั้งการสนับสนุนการศึกษา (Quality Education), การเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health & Well Being), การรับมือกับภาวะโลกร้อน (Climate Action), การวางตัวเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างรับผิดชอบ (Responsible Consumption & Production) จนถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำและช่วยเหลือผู้พิการ (Reduce Inequality) แน่นอนว่าก้าวสำคัญที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 70 นี้ เคพีไอ ก็จะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยความเชื่อที่ว่าการเติบโตของธุรกิจนั้นต้องดำเนินควบคู่ไปกับความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่เราให้ความสำคัญและลงมือทำอย่างต่อเนื่องมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือ "เคพีไอ เราได้เปลี่ยนห้องสมุดโรงเรียนให้เป็น ห้องสมุดที่มีชีวิต สู่การค้นคว้าหาข้อมูลในโลกออนไลน์ เปิดประตูแห่งการเรียนรู้ไร้พรมแดน" โครงการ "ห้องสมุด เคพีไอ ก้าวที่พร้อม เพื่ออนาคตเด็กไทย" เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 10 ปี ที่ เคพีไอ ทำโครงการห้องสมุดมีชีวิตให้กับ 11 โรงเรียนในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณในการปรับปรุงห้องสมุดทั้งสิ้น 6.5 ล้านบาท และได้มอบทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนจำนวนกว่า 400 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท เพราะ เคพีไอ เชื่อว่าการศึกษาเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะสร้างคุณภาพชีวิต จึงมุ่งสนับสนุนเพื่อมอบโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลได้เข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม จึงได้ลงมือปฏิบัติอย่างใส่ใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เปลี่ยนห้องสมุดที่มีแค่หนังสือ ให้เป็นห้องสมุดที่เต็มไปด้วยศักยภาพ มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่จะทำให้เด็กๆ ได้ท่องโลกกว้าง ได้ค้นคว้าหาข้อมูลได้จากทั่วทุกมุมโลก และปีนี้เรากำลังศึกษาข้อมูลเพื่อทำ 'ห้องสมุดมีชีวิต' แห่งที่ 12 ซึ่งเรามีแผนที่จะทำให้ห้องสมุดเป็น Green Library ด้วยการติดตั้งโซลาร์เซลล์รูฟท็อปเพื่อใช้สำหรับห้องสมุดมีชีวิต จึงเป็นเรื่องของการมอบศึกษาและการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า
ในเรื่องการศึกษา เคพีไอ เรามีโครงการ KPI Internship การสนับสนุนให้น้องๆ นักศึกษา ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานหรือการทำงานเสมือนจริง การมีเวทีให้น้องเหล่านี้ ได้เรียนรู้การทำงานจริง ถือเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสของการสร้างอาชีพได้มากขึ้น ปัจจุบันจึงมีนักศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย ไปจนถึงนักศึกษาด้านเทคโนโลยีเข้ามาฝึกงานกับเรา โดยเรามี Sand Box ให้น้องๆ ทำโครงการและนำเสนอผลงาน ข้อดี คือ น้องๆ นักศึกษาจะได้เรียนรู้การทำงานจริงกับรุ่นพี่ การสร้างประสบการณ์ในสายงานประกันภัย ในขณะเดียวกันก็ได้นำความรู้จากห้องเรียนมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น ที่ผ่านมามีหลายโครงการจากไอเดียของน้องๆ ถูกนำไปต่อยอดและพัฒนาการทำงานจริง ทำให้น้องๆ นักศึกษาเหล่านี้ได้ค้นพบตัวเอง ว่าอยากจะเดินต่อไปหรือทำงานด้านไหนในอนาคต

รู้จักและเข้าใจผู้บริโภค ในวันที่โลกเต็มไปด้วยความต่าง
แม้การดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งเคียงข้างไปกับการดำเนินธุรกิจ แต่กับอีกส่วนหนึ่ง เคพีไอ ก็ต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกและความท้าทายรอบด้าน ไม่ต่างจากองค์กรอื่น โดยเฉพาะในวันที่โลกเต็มไปด้วยความต่าง ทั้งความแตกต่างของผู้คน ไปจนถึงความหลากหลายของเจเนอเรชันในสังคมเดียวกัน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นความท้าทายในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ให้ไปสู่จุดหมายของการ ส่งมอบบริการประกันภัยที่เป็นมิตรด้วยเช่นกัน
"ด้วยแนวคิดของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย หรือบริการสำหรับผู้บริโภคในวันนี้ เราจะเริ่มต้นแนวคิด จากคำ 3 คำที่ว่า On Demand ที่หมายถึงซื้อได้ตามต้องการเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ, Mix & Match คือเลือกได้ตามต้องการ และ Bite Size ที่เปรียบเสมือนคำเล็ก จะว่าไปแล้วทุกวันนี้เราคงไม่สามารถเสนอแพ็กเกจสำเร็จรูปได้อีกต่อไป โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่หลากหลาย และต้องการเลือกในแบบที่ตนเองพอใจ หรือเหมาะกับตัวเองเท่านั้นเนื่องจาก Product ประกันภัยไม่เหมือนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จับต้องได้ หน้าที่ของเราจึงหมายถึงการทำให้สินค้าเฟรนด์ลี่ (Friendly) เข้าถึงง่ายหรือเป็นมิตรให้ได้ นั่นคือทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าใจ Product ได้ง่าย พอเข้าใจแล้วก็จะทำให้ลูกค้าอยากเลือก Mix & Match หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการได้ ไม่ว่าการเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ทั้งความคุ้มครอง หรือเลือกเบี้ยประกันภัยตามต้องการได้
ปัจจุบันการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่าย แต่ประกันภัยเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัว ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ง่ายขึ้น แต่การจะตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ Bite Size ที่เปรียบเสมือนการนำเสนอสินค้าที่เป็นคำเล็กๆ จึงมีความจำเป็น หากลูกค้าตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นคำเล็กๆ ที่เรานำเสนอไปได้ครั้งหนึ่ง ก็เหมือนกับได้เริ่มต้นเรียนรู้กัน โอกาสที่จะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นคำเล็กๆ คำอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต ก็อาจมีสูงขึ้น เพราะฉะนั้น 3 คำนี้ ทั้ง On Demand, Mix & Match และ Bite Size จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญหนึ่งในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อมอบสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับลูกค้าของเราในวันนี้และอนาคตด้วย"
ดร.พงษ์ภาณุ ยังเล่าว่าในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธุรกิจประกันภัยมีการแข่งขันที่สูงขึ้นด้วย แต่นอกเหนือจากการพยายามนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ต้องตรงกับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดแล้ว สิ่งที่ เคพีไอ ทำอยู่ในสนามแข่งขันของอุตสาหกรรมนี้ ก็คือการมุ่งให้ข้อมูล การสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภคด้านประกันภัย คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะเมื่อผู้บริโภคเลือกซื้อประกันภัยด้วยความรู้และเกิดจากความต้องการที่เข้าใจจริงๆ ย่อมเป็นผลดีกว่าการซื้อด้วยความกังวลหรือความไม่มั่นใจ อีกทั้งโลกยุคปัจจุบันที่ในสนามแข่งขันวันนี้ เราแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยี เคพีไอ เราจึงไม่หยุดที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการการทำงาน เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับลูกค้า รวมถึงการใช้เทคโนโลยี เพื่อการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่มีประโยชน์สำหรับผู้บริโภคด้วย

"ก้าวย่างปีที่ 70 นี้ เคพีไอ เราจึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานให้เป็นไปตาม วิสัยทัศน์องค์กร Serving Friendly Insurance Services หรือ ส่งมอบบริการประกันภัยที่เป็นมิตร ดูแลใส่ใจต่อทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดีที่สุดครับ"
ก้าวต่อไปของ เคพีไอ จึงน่าสนใจไม่น้อย 70 ปี นับเป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขที่แสดงถึงความเก่าแก่ หากแต่สะท้อนถึงประสบการณ์ในด้านประกันภัยอย่างมืออาชีพน่าเชื่อถือ เป็นองค์กรที่มีแนวคิดสมัยใหม่ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนาการทำงาน ถือได้ว่า เคพีไอ เป็นองค์กรสมัยใหม่ที่เอาใจใส่ และพร้อมเข้าใจผู้บริโภคในทุกเจเนอเรชัน ที่พร้อมเดินเคียงข้างคนไทยและสังคมไทยด้วยความใส่ใจไปด้วยกัน