นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ “การขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืนเพื่อแก้วิกฤติมหันตภัยโลกร้อน” ภายในงาน Climate Change : The next crisis จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ว่า ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการเปลี่ยนแปลงเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อยกระดับและก้าวเข้าสู่สถานะ Net zero หรือ Net zero greenhouse gas emissions ให้ได้ภายในปี 2065 และความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 ผ่านยุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมพัฒนาแนวทางกลไกและการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตในประเทศให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ โดย ทส.ได้ผลักดัน แผนการในด้านต่างๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งจากภาคพลังงานและขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคของเสีย รวมถึงภาคการเกษตร ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ที่จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงและป้องกันความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในอนาคต

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวภายหลัง การประชุมหัวหน้าหน่วยงานของ ทส. 13 จังหวัดภาคกลาง ประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ และสุพรรณบุรี ว่า ได้กำชับทุกหน่วยงานอย่าเกียร์ว่าง ตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ ด้วยความโปร่งใส สุจริต และได้มอบนโยบายในการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่ต้องควบคุมการเผาในที่โล่งและมลพิษจากยานพาหนะอย่างเข้มงวด การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ดูแลการกำจัดขยะอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ดังนั้นการแก้ไขปัญหาต้องอาศัยการบูรณาการร่วมกันของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง.

...