เปิดปากกับภาคภูมิ ถกเดือดเคลียร์ปมร้อน ผัว 1 เมีย 2 จดทะเบียนสมรสซ้อนวันวาเลนไทน์ ด้านฝ่ายชายขอรอตรวจ DNA ขณะที่สาวท้อง 2 เดือน ลั่นถ้ารอต้องมีค่าเลี้ยงดู
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกรณี สาวท้อง 2 เดือน ร้องขอความเป็นธรรม หลังสามีจดทะเบียนสมรสซ้อนใน "วันวาเลนไทน์" 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา (อ่านข่าว ฟัง 2 มุม สาวท้องสุดช้ำ ขอความเป็นธรรม สามีจดทะเบียนสมรสซ้อนในวันวาเลนไทน์)
ในรายการ คุณมุก สาวท้อง 2 เดือน ซึ่งเป็นผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า ตนกับบีม ซึ่งเป็นสามี คบกันมาประมาณ 1 ปีกว่า ย้อนกลับไปช่วงวันที่ 16 มกราคม 2565 ตนกับบีมได้แซวกันเล่น พูดหยอดกัน จากนั้นก็คุยกันมาตลอด รวมทั้งอยู่กินแบบฉันสามีภรรยา แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน ยอมรับว่ารู้เรื่องที่เขามีภรรยาเก่าที่คบกันมา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ยังอยู่บ้านเดียวกัน แต่บีมบอกว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แยกห้องกันนอน ขณะที่ตนเองก็มีลูกติดอายุ 3 ขวบ
...
คุณมุก เล่าต่อมาว่า ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ตนกับบีมมีปัญหากันพักใหญ่ เนื่องจากบีมยังไม่เคลียร์เรื่องฝั่งเขาให้ชัดเจน ตนจึงบล็อกเบอร์ และได้ไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่ง มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แต่มีการป้องกัน ต่อมาตนได้กลับมาคบกับบีมรอบ 2 จากนั้นได้ไป จ.ชลบุรี ด้วยกัน 1 เดือน เพราะเขาบอกว่ามีปัญหากับพ่อ แต่เขาก็กลับไปก่อน
จนวันที่ 9 มกราคม 2566 ตนกับบีมได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยวันนั้นบีมไปกู้รถอ้อยให้พ่อเขา พอเขากลับมาก็พาตนไปจดทะเบียนสมรส และบอกว่าอยากให้มั่นใจว่ามีตนคนเดียว จนต่อมาวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ ตนติดต่อบีมไม่ได้ และในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ก็เห็นภรรยาเก่าเขาโพสต์ภาพทะเบียนสมรส พี่ชายของตนจึงโทรไปหาบีม แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรับสายบอกว่า เขาเป็นภรรยา สุดท้ายทางตนกับเขาก็ทะเลาะกัน และก่อนที่ตนจะไปร้องเรียน ตนได้ไปสอบถามทางอำเภอก็ทราบว่าทางฝ่ายของตนจดทะเบียนสมรสก่อน ยืนยันว่าในวันนั้นได้จูงมือไปจดทะเบียนที่อำเภอ
ขณะที่ คุณกระติ๊บ ภรรยาที่อยู่กินกันมาเกือบ 12 ปี กล่าวว่า เรื่องที่ตนกับบีมแยกห้องกัน เพราะเขาแค่ไปเล่นกับลูกชายอีกห้องหนึ่ง ทราบว่าเขาไปคบกับมุกมาตลอด มีการห้ามสามีแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องปกติ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ตนกับมุกได้คุยกันตัวต่อตัวแล้ว ตนบอกเขาว่า ก่อนหน้านี้คุณไม่รู้ว่าเขามีภรรยาแล้วจะไม่ว่า แต่วันนี้ได้มาแสดงตัวแล้ว ต้องหยุด ซึ่งทางน้องเขาก็ยกมือไหว้บอกว่า หนูจะจบให้เอง หลังจากนั้นก็จบกันไป 1 เดือน ทางผู้หญิงเป็นคนบล็อกทุกอย่าง จากนั้นไม่แน่ใจฝ่ายหญิงมีการปลดบล็อกแล้วกลับมาคุยกันอีกรอบไหม เพราะผู้ชายก็คือผู้ชาย
คุณกระติ๊บ กล่าวอีกว่า ตนกับสามีมีปากเสียงกันเรื่องผู้หญิงคนนี้ นอกจากนี้ตนยังเตือนสามีว่า เขาอาจจะหลอกให้ไปจดทะเบียนสมรส หรือหลอกให้รับผิดชอบลูกเขาก็ได้ ถามว่าทำไมก่อนหน้านี้ตนกับบีมไม่จดทะเบียนสมรสกัน เพราะพอมีเรื่องผู้หญิงขึ้นมาก็เลยจดทะเบียนสมรส ตนไม่ทราบเลยว่าเขาไปจดทะเบียนสมรสกันมาก่อน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตนก็ดีใจ มีความสุขมากตอนที่บีมพาไปจดทะเบียนสมรส จนกระทั่งวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีคนโทรเข้ามาว่า ให้ตนไปที่อำเภอด่วน เพราะไปรับทราบว่ามีการจดทะเบียนสมรสซ้อนกัน ซึ่งหลังจากคุยกันแล้ว ตนกับบีมก็พากันไปจดทะเบียนหย่า เพื่อไม่ทำให้เจ้าหน้าที่เดือดร้อน ซึ่งทางสามีบอกว่า หลังจากนี้จะหย่ากับมุก แต่มุกไม่ยอม ส่วนเรื่องที่เขาเรียกเงิน 3 แสนบาท ทางตนไม่มีให้ เพราะเรื่องที่เขามีลูก ตนก็ไม่ทราบ เขาเพิ่งมาบอกว่าเขาท้องเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์มานี้
ด้านคุณบีม ฝ่ายชาย กล่าวว่า หลังจากจดทะเบียนสมรสกัน ตนกับมุกก็ทะเลาะกัน เพราะตนทำงาน มุกก็บอกว่าเรื่องลูกในท้องเขา ตนไม่ต้องยุ่ง เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ได้ ส่วนเรื่องที่นอนแยกห้องกับกระติ๊บ ตนแค่ไปนอนกับลูกอีกห้องหนึ่งบางวัน เรื่องที่ผมมีเมียมีลูก มุกก็รู้มาตลอด ส่วนเรื่องที่บอกว่าแยกกับภรรยา มีมุกคนเดียว ตนไม่ได้พูด และได้บอกกับมุกชัดเจนว่ามีเมียกับลูกแล้ว ไม่เคยเลิกกับกระติ๊บสักครั้ง ส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับกระติ๊บมาก่อนหน้านี้เพราะจะไปจดทะเบียนสมรสหลายครั้ง แต่ไม่มีเวลา ทำแต่งาน
ในวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่พามุกไปจดทะเบียนสมรส ตนไม่รู้ มุกบอกว่า ให้พาไปอำเภอหน่อย พอขึ้นไปก็เซ็นเอกสารข้างหน้า ตนก็ไปยืนดูตรงนั้น เขาก็ให้ผมเซ็น ผมก็ไม่ได้อ่าน และวันนั้นจำได้ว่าเซ็นไปแค่ใบเดียว หลังจากลงจากอำเภอก็ไม่รู้ว่าเป็นการจดทะเบียนสมรส เพราะต้องรีบกลับบ้าน กลัวคนอื่นเห็น ส่วนเรื่องเซ็นเอกสารที่ปั๊มน้ำมัน เป็นการเซ็นก่อนที่จะเซ็นที่อำเภอ เขาบอกให้ตนเซ็นให้หน่อย เขาจะเอาไปสมัครงาน ขณะที่คุณมุกโต้ขึ้นมาว่า ไม่จริง
...
เมื่อถามย้ำว่า รู้หรือไม่รู้ว่าเป็นการจดทะเบียนสมรส คุณบีม กล่าวว่า รู้ว่าไปจดทะเบียนสมรส แต่ไม่คิดว่าจะถูกบันทึกในฐานข้อมูล
ทั้งนี้ในรายการได้ถามคุณมุกกับคุณบีมว่า ยังรักกันไหม ทางคุณมุก บอกว่า ไม่รักแล้ว แค่รับผิดชอบลูก ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำ
ขณะที่ คุณบีม บอกว่า ตอนนี้ไม่คิดที่จะรัก ไม่คิดที่จะผูกพันแล้ว เพราะทำผมเจ็บ ผมแสบขนาดนี้ ลูกในท้องก็เป็นไปตามขั้นตอน รอลูกออกมาแล้วไปตรวจ DNA เพื่อความมั่นใจของผม ผมเห็นมือถือเขาคุยกับหลายคน ยอมรับว่าส่วนหนึ่งติดใจเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วงที่ทะเลาะกัน ตอนนี้อยากหย่า ส่วนค่าเลี้ยงดูก็ขอคุยกันนอกรอบ ผมไม่โอเค เขาเคยบอกผมไว้ว่าไม่เป็นอะไร ยอมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ได้
คุณมุก โต้ว่า ตนเองไม่ได้คุยกับใคร มีพี่ชายที่เป็นลูกของป้าโทรมาถาม มั่นใจว่าในท้องเป็นลูกของบีม ถ้าชดใช้ตอนนี้ 3 แสนก็จบ แต่ถ้ารอตรวจ DNA แล้วเป็นลูกของบีมจริงๆ จะต้องจ่าย 3 แสนบวกค่าเลี้ยงดูเดือนละประมาณ 1 หมื่น
...
ขณะที่ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง กล่าวว่า เมื่อมีเด็กขึ้นมาแล้วเป็นเรื่องยาก ถ้าวันข้างหน้าตรวจ DNA แล้วเป็นลูกจริง ถามว่าวันนี้จะไม่ดูแลเหรอ ไม่ว่าจะเป็นของบำรุงครรภ์ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ประเด็นสำคัญคือ เขาคิดค่าหย่า 3 แสน ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต้องมีค่าเลี้ยงดูบุตร ซึ่งค่าเลี้ยงดูบุตรขึ้นอยู่ตามฐานะของพ่อ ไม่ว่าจะจ่าย 1 หมื่น 5 หมื่น หรือในกรณีพ่อรวยก็ต้องจ่ายเป็นแสน
และกรณีนี้เขาเป็นพ่อตามกฎหมายอยู่แล้ว เพราะจดทะเบียนสมรสกัน ตามกฎหมายสามารถฟ้องผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เมียตามทะเบียนสมรสได้ เพื่อเรียกค่าเสียหาย ในตอนนี้น้องมุกเป็นเมียตามกฎหมาย เพราะตอนจดทะเบียนสมรสมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน คำว่าแจ้งความเท็จ ไม่ได้มีแค่ตอนหลังเท่านั้น ในตอนแรกก่อนจดก็มี คดีแบบนี้ติดคุกนะครับ.