สถาบันประสาทวิทยา
หน่วยงานเฉพาะทางในสังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ที่ให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคสมอง ไขสันหลัง และระบบประสาทแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งโดย ศ.นพ.ประสพ รัตนากร เมื่อปี พ.ศ.2500 เดิมชื่อ โรงพยาบาลประสาทพญาไท ให้บริการตรวจและรักษาโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลัง คู่กับการศึกษาค้นคว้าวิจัย
ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลขนาด 300 เตียง ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองและระบบประสาทไขสันหลังระดับตติยภูมิและเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับระดับชาติและนานาชาติ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ให้ผู้ป่วยหายหรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
...
นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา เล่าว่า สถาบันประสาทวิทยาเป็นสถาบันที่มีความเป็นเลิศในการดูแลผู้ป่วยโรคสมอง ไขสันหลัง และระบบประสาท อันดับต้นๆของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งด้านวิชาการ การบริการ รวมทั้งการพัฒนา องค์ความรู้และนวัตกรรมทางการแพทย์ แต่ละปีมีคนไข้นอกประมาณ 250,000 คน คนไข้ใน ประมาณ 8,000 คน ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีการบริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การเห็นผู้ป่วยโรคสมอง ไขสันหลัง และระบบประสาทได้รับการดูแลที่ทันสมัย ได้รับความสะดวกสบาย มีสุขภาพดี และมีความสุข
สำหรับนวัตกรรมใหม่ของสถาบันประสาทวิทยานั้น ได้แก่ 1.นวัตกรรมการผ่าตัดกระดูกสันหลัง โดยมีเครื่องมือทันสมัยต่างๆ อาทิ ใช้กล้องขยายมาช่วยในการผ่าตัดที่เรียกว่า Micro scope การใช้กล้องผ่าตัดขนาดเล็กเข้าไปในแผลผ่าตัดที่เรียกว่า Endoscope เครื่องมือ X-ray เพื่อตรวจดูระดับไม่ให้ผิดพลาดและตรวจสอบขณะใส่วัสดุยึดกระดูกให้ได้ตำแหน่งและมุมตามที่ต้องการเครื่อง Spine Navigator เพื่อบอกระดับที่ต้องการผ่าตัด และช่วยในการเลือกใช้วัสดุต่างๆที่จะมายึดจับกระดูกให้ได้ตามขนาดที่เหมาะสมและมีความแม่นยำสูงสุด 2.การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยสายสวนหลอดเลือด Mechanical Thrombectomy เริ่มให้การรักษาปี 2558 เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยที่มีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมองเส้นใหญ่ เพื่อเปิดหลอดเลือดให้เลือดสามารถกลับไปเลี้ยงสมองได้ ให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น ลดความพิการและลดอัตราการเสียชีวิต 3.การรักษาผู้ป่วยโรคเคลื่อนไหวผิดปกติด้วยการรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึกด้วยไฟฟ้า Deep Brain Stimu lation หลังการผ่าตัดผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
...
4.หน่วยโรคหลอดเลือดสมองเคลื่อนที่ Mobile Stroke Unit ภายในมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งสแกนสมอง ฉีดสี ให้ยา หรือติดต่อกับโรงพยาบาลปลายทางเพื่อเตรียมการผ่าตัด 5.NIT PLUS แอปพลิเคชันที่ช่วยให้เข้าถึงการบริการได้สะดวก เช่น การเช็กสิทธิการรักษา ตรวจสอบคิว ดูรายการ นัดหมาย และชำระเงิน เป็นต้น ผู้ป่วยสามารถกดจองคิวได้จากที่บ้าน ช่วยประหยัดเวลา เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่มากดจองคิวที่โรงพยาบาล จะประหยัดเวลาได้มากถึง 100 นาที
“ช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด สถาบันประสาทวิทยาให้ระบบ แพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine สามารถลดความแออัดในโรงพยาบาลร้อยละ 20 ผู้ป่วยมีความพึงพอใจระดับดีมาก หลังโควิด-19 ก็ยังมีการใช้ระบบแพทย์ทางไกลต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรก เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชาชนไทย สาเหตุส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 มาจากพฤติกรรมส่วนตัว เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ไม่ออกกำลังกาย ไม่ควบคุมความดัน หัวใจเต้นผิดจังหวะ พักผ่อนน้อย ทำให้เกิดสโตรก โดยเฉพาะหากเกิดอาการปากตก ยกไม่ขึ้น พูดไม่ชัด คิดไม่ออก ให้มาโรงพยาบาลเร็วที่สุด เพราะเรามีเวลาทอง หรือโกลเดนพีเรียดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง จะลดอัตราการตายและพิการได้ ซึ่งทุกโรงพยาบาลขณะนี้มีหน่วยโรคหลอดเลือดสมองหรือสโตรกยูนิตที่ได้มาตรฐาน โดยสถาบันประสาทวิทยาทำการประเมินให้ได้มาตรฐานเหมือนรักษาที่สถาบันประสาทวิทยา ส่วนสโตรกโมบายยูนิต ซึ่งสถาบันประสาทวิทยา มี 1 คัน จอดอยู่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ดูแลกรุงเทพฯตอนเหนือ โดยที่ผ่านมาแต่ละปีรักษาคนไข้ได้ 120-150 คน ขณะที่สถานพยาบาลอื่นๆ ก็มีรถโมบายแบบนี้เช่นกัน โดยแบ่งพื้นที่ช่วยกันดูแล โดยผู้ป่วยสโตรกต้องโทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อที่ 1669 จะประเมินคนไข้และประสานรถโมบายที่จอดอยู่พื้นที่ต่างๆให้เข้ามารับผู้ป่วย เป้าหมายของเราจะลดอัตราการตายจากสโตรกให้ได้เหลือร้อยละ 7 และร้อยละ 5 ตามลำดับ
...
ทั้งนี้ เรามีสโลแกนว่า อ่อนแรง นอนมา เดินกลับบ้าน
ขณะที่ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดี กรมการแพทย์กล่าวว่า “กระ ทรวงสาธารณสุขมีนโยบายดูแลผู้ป่วย ทุกคนแบบวีไอพี มีการปรับปรุงสถานที่ให้น่าอยู่ ได้รับความสะดวกสบาย มีการนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้ ในส่วนของสถาบันประสาทวิทยา มีการใช้แอปพลิเคชันสำหรับการจองคิวตรวจ มีระบบการรักษาแบบแพทย์ทางไกล ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ก็ประหยัดค่าเดินทาง เวลา รวมทั้งมีระบบส่งยาทางไปรษณีย์ถึงบ้าน หากจำเป็นจึงมาตรวจที่โรงพยาบาล ทั้งนี้กรมการแพทย์จะพัฒนาแอปพลิเคชันให้ใช้ได้กับทุกโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ และสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกรมการแพทย์ จะเป็นหน่วยวิชาการ สร้างเครื่อง สร้างต้นแบบ และสอน สนับสนุนโรงพยาบาลอื่นๆ ให้ยกระดับการบริการที่ได้มาตรฐาน เช่น การสอนการลากลิ่มเลือดที่อุดตันในหลอดเลือด หากปล่อยไว้นานจะเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้ ถ้าลากลิ่มเลือดออกมากได้จะลดความพิการ คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยี”
...
“ทีมข่าวสาธารณสุข” มองว่า ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์นับเป็นตัวช่วยสำคัญในการตอบโจทย์งานด้านบริการสาธารณสุขของประเทศ ทั้งในเรื่องของการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การเข้าถึงผู้ป่วยด้วยรถโมบายสโตรกยูนิต เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ตลอดจนการรักษาด้วยระบบทางไกลเพื่อประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่เราอยากขอฝากก็คือ การดำเนินการที่ต้องมีความต่อเนื่อง จริงจังและจริงใจ
เพื่อให้ประเทศไทยก้าวสู่การเข้าถึงการรักษาที่ได้มาตรฐานที่ทั่วถึง เท่าเทียมอย่างแท้จริง.
ทีมข่าวสาธารณสุข