ออกมาแอ่นอกรับผิดชอบในฐานะผู้นำหน่วย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ยอมรับมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกว่า 110 นาย เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกกับการทำวีซ่าในกับ “กลุ่มทุนจีนสีเทา”

เป็นตัวเลขที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของหน่วยประตูด่านแรกประเทศ

ยืนยันจะไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิดและจะต้องกลับมาทบทวนจุดอ่อนเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก

หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.รับใบสั่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.รื้อ “ขยะใต้พรม” ที่หมักหมมส่งกลิ่นเหม็นไม่ชอบมาพากลในหน่วยงานเก่าของตัวเอง

การสืบสวนสอบสวนพบตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกว่า 110 นาย ร่วมกระทำการทุจริตในลักษณะเป็นขบวนการ หรือรูปแบบบริษัทย่อยๆ ในการออกวีซ่าเอื้อให้กับกลุ่มชาวต่างชาติ รวมถึง “กลุ่มชาวจีนสีเทา” ที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย

มีพฤติการณ์ปลอมลายเซ็นของรองผู้ว่าราชการจังหวัด และฉกฉวยโอกาสช่วงสถานการณ์โควิด-19 อำนวยความสะดวกในการต่อวีซ่า ใช้ภาพถ่ายของชาวต่างด้าวแทนการแสดงตัวตนจริงต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง

ถือเป็นการกระทำผิดในข่ายมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและความผิดตามมาตรา 149 ฐานเรียกรับผลประโยชน์

คณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โดดปัดกวาด “บ้านหลังเก่า” หวังให้เกิดความสะอาด

ประตูด่านแรกต้องไม่รั่วจนมัวหมองต้องมลทิน.

สหบาท