กองปราบฯนำชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” ลุย จ.ร้อยเอ็ด ปิดล้อมตรวจค้น 2 จุดบุกจับกุม 2 ผัวเมียโจร ก่อเหตุเหนือเมฆตระเวนงัดเซฟปั๊มน้ำมันพีทีถี่ยิบกว่า 30 แห่ง ทั่วแดนอีสานโดยไม่ทิ้งร่องรอย สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการจำนวนมาก ชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ตามแกะรอยจนพบเบาะแสสำคัญ รถกระบะพาหนะที่ใช้ก่อเหตุนำไปสู่การจับกุม ตรวจสอบพบเมียเป็นถึงผู้จัดการปั๊มพีทีใน จ.ยโสธร ถึงรู้ระบบการป้องกันและข้อมูลการเก็บเงินของปั๊มเป็นอย่างดี สารภาพสิ้นไส้ก่อเหตุเพราะผัวตกงานไม่มีเงินผ่อนบ้านผ่อนรถแถมเป็นหนี้นอกระบบ
กองปราบบุกจับโจรงัดเซฟปั๊มน้ำมันรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 5 ก.พ. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป. และ พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบพร้อมอาวุธครบมือ นำหมายค้นศาลจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 2 จุด จับกุมนายมารุต อัคฮาดศรี อายุ 33 ปี และ น.ส.ภูสนิสา ประเสริฐสังข์ อายุ 26 ปี สามีภรรยา ตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ดเลขที่ 44-45/2566 ลงวันที่ 3 ก.พ.2566 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป
เป้าหมายแรกที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 8 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด บ้านของนายมารุตและ น.ส.ภูสนิสา ผู้ต้องหาคนสำคัญ พบเป็นบ้านชั้นเดียวมีรั้วรอบขอบชิด เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ส่งเสียงเรียกให้รับทราบว่าตำรวจมาขอตรวจค้น แต่ไม่มีผู้ใดยอม เดินออกมาเปิดประตู กำลังชุดหนุมานกองปราบตัดสินใจนำคีมตัดเหล็กตัดกุญแจประตูรั้วเข้าไปพบนายมารุตอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว แสดงหมายจับพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ ตรวจค้นหาหลักฐานพบอุปกรณ์เครื่องตัดเหล็ก รถกระบะมาสด้า ทะเบียน บพ 3267 ยโสธร พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ โทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันต่างๆที่เข้าก่อเหตุ และหลักฐานอื่นอีกหลายรายการ บันทึกตรวจยึดเป็นของกลาง ส่วนเป้าหมายที่สองเป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เป็นบ้านของบิดามารดา น.ส.ภูสนิสา ไปถึงพบว่าหนีมาหลบซ่อนตัวอยู่จริง จึงแสดงหมายจับพร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
...
ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือน ม.ค.2566 ตำรวจกองปราบฯได้รับการร้องเรียนจากบริษัทปั๊มน้ำมันพีที (PT) ว่า มีแก๊งคนร้ายจองเวรก่อเหตุงัดตู้เซฟภายในปั๊มพีทีสาขาต่างๆในพื้นที่ 14 จังหวัดในภาคอีสาน รวมถึง 32 แห่ง ได้เงินสดไปกว่า 2 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีปั๊มบางแห่งที่กลุ่มคนร้ายใช้ความรุนแรงด้วยการเอาปืนจี้ข่มขู่บังคับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ที่เดินมาเห็นเหตุการณ์ขณะก่อเหตุด้วย
หลังทราบเรื่อง พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. จัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส จนมีข้อมูลเชื่อมโยงว่า คดีที่เกิดขึ้นทั้ง 32 ครั้ง น่าจะเป็นฝีมือคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ทำเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี เนื่องจากการก่อเหตุแต่ละครั้งคนร้ายใช้อุปกรณ์งัดแงะอย่างชำนาญ สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า สวมถุงมือ จึงไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือแฝง หรือแม้แต่ภาพใบหน้าให้กล้องวงจรปิดบันทึกขณะลงมือ และมักจะเลือกก่อเหตุในคืนวันศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์ น่าจะตระเวนดูลาดเลาตามปั๊มน้ำมันเป้าหมายก่อนจะวางแผนลงมือ จากข้อมูลการสืบสวนที่ได้ทั้งหมด จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือคนในหรือมีคนในให้ข้อมูล เพราะรู้ขั้นตอนการเก็บเงินของปั๊มว่า ปกติปั๊มแต่ละแห่งจะนำเงินสดที่ได้จากการขายน้ำมันไปฝากธนาคารทุกวัน ยกเว้นวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ทำให้มีเงินสดในตู้เซฟมากกว่าปกติ คุ้มค่ากับการลงมือ รวมถึงรู้ระบบการรักษาความปลอดภัยในปั๊มเป็นอย่างดี
แต่ด้วยความที่คนร้ายกลุ่มนี้ย่ามใจ ตระเวนก่อเหตุต่อเนื่องถี่ยิบอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะเชื่อการปกปิดร่องรอยของตัวเองว่า เจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะรอยตามจับกุมได้ ทำให้เกิดความผิดพลาดให้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสสำคัญคือ ข้อมูลรถกระบะคันที่ใช้ก่อเหตุจากภาพวงจรปิดตามถนนเส้นทางต่างๆใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ นำไปสู่การสืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ภูสนิสา มีอาชีพเป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมันพีที สาขายโสธร และนายมารุต สามี อีกทั้งยังพบข้อมูลว่า ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 3 ก.พ.ต่อเนื่องเช้ามืดวันที่ 4 ก.พ. ทั้งคู่ขับรถกระบะคันที่ใช้ก่อเหตุทุกครั้งออกจากบ้านในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ตระเวนไปตามจังหวัดใกล้เคียงทั้ง จ.มหาสารคาม จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี ก่อนตัดสินใจบุกเข้าก่อเหตุงัดประตูเข้าไปภายในสำนักงานปั๊มน้ำมันพีทีแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี แต่เนื่องจากไม่พบตู้เซฟหรือเงินจึงขับรถกลับไปซ่อนตัวที่บ้านในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ชุดสืบสวนตัดสินใจวางแผนนำกำลังบุกตรวจค้นจับกุมดังกล่าว
สอบสวนนายมารุต และ น.ส.ภูสนิสา สองผัวเมียโจรให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเดินสายโจรเนื่องจากต้องการหาเงินไปใช้หนี้นอกระบบและจ่ายหนี้สินเกี่ยวกับบ้านและรถยนต์ เนื่องจากนายมารุตคนเป็นสามียังไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มีเพียง น.ส.ภูสนิสา ที่ทำงานเป็นผู้จัดการปั๊มน้ำมันพีทีในพื้นที่ จ.ยโสธร หลังจากนั้นชุดจับกุมคุมตัวทั้งคู่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ปั๊มน้ำมันพีที สาขาธวัชบุรี 3 ตั้งอยู่ริมถนนร้อยเอ็ด-อาจสามารถพนมไพร ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธวัชบุรี ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย มีรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบ ประวัติการทำงานของ น.ส.ภูสนิสา พบว่าเคยได้รับรางวัลผู้จัดการสาขาดีเด่นในพื้นที่ จ.ยโสธร มาแล้ว ก่อนมาถูกจับกุมดังกล่าว