นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมได้ดำเนินงานภายใต้คณะทำงานพิจารณาแนวทางปรับปรุง และพัฒนาระบบเบิกจ่ายค่ายากลุ่มโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งได้ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งและโลหิตวิทยา ที่จำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลตามความเหมาะสม จำเป็น มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นไปอย่างสมเหตุผล มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.นี้. มีรายละเอียด ดังนี้ 1.ปรับปรุงรายการยาและเงื่อนไข ข้อบ่งชี้ในการเบิกจ่ายค่ายารักษาโรคมะเร็งในระบบ OCPA ด้วยการปรับปรุงเงื่อนไขข้อบ่งชี้ในการเบิกจ่ายค่ายา Sorafenib ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งตับชนิด hepatocellular carcinoma (HCC) และโรคมะเร็งไทรอยด์ระยะแพร่กระจาย และเพิ่มรายการยา Lenvatinib ที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งตับชนิด hepatocellular carcinoma และโรคมะเร็งไทรอยด์ระยะแพร่กระจาย
ขณะเดียวกันยังได้กำหนดเงื่อนไขข้อบ่งชี้ในการเบิกจ่ายค่ายาดังกล่าว สถานพยาบาลจะต้องดำเนินการลงทะเบียนแพทย์ผู้ทำการรักษา และผู้ป่วย และส่งข้อมูลตามโปรโตคอลที่กำหนดในระบบ OCPA เพื่อขออนุมัติเบิกค่ายาหรือขอต่ออายุการเบิกค่ายา หรือขอหยุดการใช้ยาตามแนวทางที่หน่วยงานที่ได้รับมอบจากกรมกำหนด และให้เบิกจ่ายค่ายาในระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล และการใช้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขข้อบ่งชี้ที่กำหนด จึงจะเบิกจ่ายจากทางราชการได้
2.กำหนดอัตราเบิกจ่ายค่ายา Lenvatinib และ Sorafenib สำหรับการรักษาทุกข้อบ่งชี้ โดยให้เบิกจ่ายค่ายาได้ไม่เกินอัตราที่กำหนด อาทิ Lenvatinib ขนาด 4 มิลลิกรัม (มก.) และ 10 มก. อัตรา 835 บาทต่อแคปซูล และ 1,552 บาทต่อแคปซูล ตามลำดับ โดยในกรณีที่ใช้ยา 20 มก.ต่อวัน ให้เบิกได้เฉพาะความแรง 10 มก.เท่านั้น เป็นต้น ทั้งนี้ หลังจากผู้ป่วยใช้ยาครบ 120 วัน และยังต้องได้รับการรักษาต่อ บริษัทผู้จำหน่ายยาจะสนับสนุนยาให้ผู้ป่วยรายนั้น จนกว่าแพทย์จะให้หยุดยา หรือผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา .
...