มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จับมือ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ลงนาม MOU เดินหน้าศึกษาวิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรอัจฉริยะ (Smart Healthcare TTM) เพื่อประโยชน์การนำองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรมาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างทั่วถึงและครอบคลุมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลประเทศไทย 4.0
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ณ หอประชุมเบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี มจพ. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อร่วมกันศึกษา วิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรอัจฉริยะ (Smart Healthcare TTM) ระหว่าง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ โดยมี นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มจพ. เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยสักขีพยาน ทั้ง 2 องค์กร ประกอบด้วย นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ดร.รัชนี จันทร์เกษ ผู้อำนวยการกองวิชาการและแผนงาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รองศาสตราจารย์ ดร.เพียรพูล กมลจิตร์ประภา คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัครา ประโยชน์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
วัตถุประสงค์การลงนาม MOU เพื่อร่วมกันศึกษา วิจัยและพัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพด้วย ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรอัจฉริยะ (Smart Healthcare TTM) ซึ่งประกอบด้วย 4 โมดูล ได้แก่ (1) Digital TTM Knowledge Management เป็นการนำตำรับ/ตำราการแพทย์แผนไทยที่ได้บันทึกไว้ในสมุดไทย ใบลาน ศิลาจารึก หรือวัสดุอื่นใด เข้าสู่กระบวนการ Digitization และจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบ Digital Knowledge based (2) TTM Expert & Recommendation Systems เป็นกระบวนการ Digitalization ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญและระบบช่วยแนะนำ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายถอด ปริวรรต สังคายนา และสืบค้นตำรับ/ตำราการแพทย์แผนไทย (3) Herbal Product & Service Big Data Management เป็นกระบวนการ Digital Transformation โดยพัฒนา Big data ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อใช้ในการวางแผนการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจอย่างครบห่วงโซ่คุณค่า (4) TTM Herbal Product & Service Innovation เป็นกระบวนการ Digital Disruption โดยพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลด้านการบริการการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เพื่อยกระดับการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และบริการสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรให้แก่ประชาชน สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีพันธกิจพัฒนาวิชาการและการบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดยส่งเสริมและพัฒนาการวิจัย การจัดระบบความรู้ พัฒนาแหล่งผลิตและผลิตภัณฑ์สมุนไพร คุ้มครอง อนุรักษ์ และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้จัดทำแอปพลิเคชัน เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพและเข้าถึงบริการสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้กับประชาชน ประกอบด้วย แอปพลิเคชันพจนานุกรมศัพท์แพทย์และเภสัชกรรมแผนไทย แอปพลิเคชันสมุนไพรไทย แอปพลิเคชันพจนานุกรมศัพท์แพทย์และแอปพลิเคชันเภสัชกรรมแผนไทย แอปพลิเคชันสมุนไพรเฟิร์ส แอปพลิเคชันระบุชนิดสมุนไพรด้วยภาพ (HerbID) แอปพลิเคชัน Big Data นวดไทย แอปพลิเคชัน Dr.Ganja และแอปพลิเคชันหมอแผนไทยสู้ภัยโควิด เป็นต้น
ทางด้าน ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มจพ. กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีหน้าที่หลักในการผลิตบัณฑิต วิจัย พัฒนา ส่งเสริมและเป็นศูนย์กลางในการให้บริการทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวิชาการขั้นสูงที่เกี่ยวข้อง แก่กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มอาชีพ และผู้สนใจทั่วไป สำหรับความมุ่งหวังในการลงนาม MOU ในครั้งนี้เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านวิชาการ การเรียนการสอน ในหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สาขาที่เกี่ยวข้อง การวิจัยการพัฒนาบุคลากร และการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อร่วมกันพัฒนาการเรียนการสอนของนักศึกษาในหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้มหาวิทยาลัยพร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อให้เกิดโครงการต่างๆ ที่จะร่วมมือกันดำเนินกิจกรรมในอนาคตอีกด้วย” ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ กล่าวปิดท้าย.