"กรมฝนหลวงฯ" ขับเคลื่อนอาสาสมัครฝนหลวงทั่วประเทศ เตรียมออกสำรวจพื้นที่เกษตรกรรม ตรวจเช็กสภาพพื้นดินและร่วมสังเกตการณ์สภาพอากาศ พร้อมแจ้งหน่วยฝนหลวงเข้าปฏิบัติการทำฝนหลวงให้ตรงพื้นที่เป้าหมาย เพิ่มประสิทธิภาพบรรเทาภัยแห้งแล้งนอกเขตชลประทาน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 66 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้อาสาสมัครฝนหลวงประจำศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศ กว่า 500 คน ได้เตรียมความพร้อมออกสำรวจความต้องการขอรับบริการฝนหลวงของเกษตรกร  โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่มีความต้องการใช้น้ำและมีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึงนี้ พร้อมทั้งติดตามการเพาะปลูกในพื้นที่ที่รับผิดชอบเพื่อให้ทราบถึงช่วงเวลาการปลูกพืชแต่ละชนิด และช่วงเวลาที่ต้องการฝน ตลอดจนสังเกตการณ์สภาพอากาศและเมฆฝนในแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งภาพและข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาคในแต่ละภูมิภาค เพื่อนำมาวิเคราะห์และออกปฏิบัติการฝนหลวงได้อย่างพอเหมาะ กับเวลาตรงเป้าหมายรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ (Real Time)

...

"เมื่อปฏิบัติการฝนหลวงแล้วเสร็จ อาสาสมัครฝนหลวงจะรวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ส่งเป็นข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค หรือรายงานผ่านระบบอาสาแจ้งข่าวบนเว็บไซต์ของกรมฝนหลวงฯ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในครั้งต่อไป" รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าว

รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กรมฝนหลวงฯ ได้พัฒนาเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงมาอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 7 โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัครฝนหลวง จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับการปฏิบัติการทำฝนหลวง และอุตุนิยมวิทยา เช่น ความรู้เกี่ยวกับลักษณะของเมฆที่ทำให้เกิดฝน การติดตามสภาพอากาศ การวัดปริมาณน้ำฝน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจะได้รับการอบรมเรื่องการอนุรักษ์ดิน-น้ำ หลักสิทธิมนุษยชน การสื่อสาร และการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์ ดังนั้นอาสาสมัครฝนหลวงทุกคนจึงมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับปฏิบัติการฝนหลวงและการให้บริการฝนหลวงในแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทำให้การปฏิบัติการฝนหลวงตรงกับความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำฝนหลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ด้าน นายสากล นารี อาสาสมัครฝนหลวงอำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ตนเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นอาสาสมัครฝนหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2559 และได้นำความรู้ความเข้าใจไปใช้งานจริง เช่น ในปี 2560 บริเวณพื้นที่ปลูกนาในอำเภอปทุมรัตต์ อำเภอจตุรพักตรพิมาน และอำเภอธวัชบุรี ข้าวเริ่มยืนต้นตายและเมื่อได้รับบริการฝนหลวงทำให้ผลผลิตรอดพ้นจากความเสียหาย จากนั้นจึงทำหน้าที่อาสาสมัครฝนหลวงเรื่อยมา โดยในปีนี้ตนจะเริ่มลงสำรวจพื้นที่เกษตรโดยรวมในพื้นที่อำเภอเกษตรพิสัย ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครฝนหลวงท่านอื่นที่อยู่บริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอ เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกัน แล้วจึงส่งข้อมูลอุณหภูมิ ภาพถ่ายท้องฟ้า ก้อนเมฆ เป็นต้น ไปที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงให้ดำเนินการต่อ

"การเป็นอาสาสมัครฝนหลวงเป็นอาชีพสำคัญของผม ต่อจากอาชีพเกษตรกร เพราะเกษตรกรต้องการน้ำ หน้าที่ของผมคือประสานงานติดตามพื้นที่ ที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับฝนหลวง และเมื่อมีน้ำเรายังสามารถปลูกผักสวนครัวไว้กินภายในครอบครัว และขายเป็นรายได้เสริม จึงรู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วยกันแทนพ่อหลวง" นายสากล กล่าว.

...