มาตรการป้องกันและควบคุม โรคโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าโดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวจากจีน ที่รัฐบาลจีนเปิดให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้โดยไม่มีมาตรการควบคุม และจุดหมายปลายทางประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนต้องการมาเที่ยวเป็นอันดับที่ 2 รองจากญี่ปุ่นก็คือ ประเทศไทย รัฐบาลได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การท่องเที่ยวฯ สาธารณสุขและคมนาคม ไปหารือร่วมกันถึงการรับมือนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าว
ในที่สุด อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.สาธารณสุขและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมายืนยันว่า ประเทศไทยจะยึดหลัก ปฏิบัติเท่าเทียมกันทุกชาติ และเป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาการ พร้อมตรวจเฝ้าระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในน้ำเสียจากเครื่องบิน โดยผู้เดินทางจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และ มีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาโควิด–19 ด้วย
ส่วนที่เหลือ ก็จะเป็นเพียงคำแนะนำ เช่น ในระหว่างพำนักในไทยให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ในที่สาธารณะและกรณีเดินทางออกจากไทยให้ตรวจคัดกรองก่อน ให้พักในโรงแรมที่อยู่ในโครงการ SHA+ ที่มีบริการตรวจหาเชื้อโควิด หรือมีศูนย์บริการฉุกเฉินเอาไว้รับมือการระบาดของโควิด เป็นคำแนะนำ ไม่ใช่การบังคับตามกฎหมาย จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยเฉลี่ย 301 รายต่อวันและเสียชีวิตเฉลี่ย 10 รายต่อวัน
ต่อมาได้มีประกาศเป็นทางการที่จะใช้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยระหว่างวันที่ 9-31 ม.ค.นี้ ผู้โดยสารที่มีอายุมากกว่า 18 ปี จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน 2 เข็ม หรือจดหมายรับรองว่าหายจากโควิดไม่เกิน 6 เดือน ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่มีมาตรการไม่ให้ผู้ติดเชื้อโควิดกลับเข้าประเทศต้องมีประกันสุขภาพรักษาโควิด ผู้โดยสารที่เปลี่ยนเครื่องหรือต่อเครื่อง ได้รับการยกเว้นการตรวจสอบเอกสาร สายการบินต้องขอให้ผู้โดยสารสวมใส่หน้ากากตลอดเวลาการเดินทาง
...
หลังจากที่ออกมาตรการดังกล่าว ปรากฏว่ามี สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเอกชนฝั่งอันดามัน ประมาณ 10 องค์กรทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ถึง พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ ระบุว่า มาตรการรับนักท่องเที่ยวภาครัฐ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่จะเข้าประเทศต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ทำให้ผู้ประกอบการ ท่องเที่ยว ได้แก่ อังกฤษ สแกนดิเนเวีย เยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย หรือ CIS ออกมาโวย ว่ารัฐบาลไทยไร้เสถียรภาพที่ปรับมาตรการรับมือต่างชาติกะทันหันเกินไป เพราะนักท่องเที่ยวไม่ทันเตรียมตัวและอยู่ในระหว่างเดินทาง ต้องยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจเสียหายหนัก
การกำหนดมาตรการในการรับมือกับโควิด-19 ที่ผ่านมา ชักเข้าชักออก จนเกิดความเสียหาย ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพของฝ่ายบริหาร ที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบขอไปที
พอรำไม่ดีก็มาโทษปี่โทษกลอง.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th