เมื่อวันที่ 9 ม.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว. ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า วันที่ 10-11 ม.ค.นี้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ...ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว จะเข้าสู่วาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และรัฐบาล เห็นว่ายังมีบางประเด็นอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติ จึงอยากให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พิจารณาในประเด็น 4 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นการจัดการศึกษาโดยผู้ปกครอง (Home School) ในมาตรา 13 ควรให้ ศธ.ส่งเสริม สนับสนุน กำกับ ติดตาม ประเมินผล ประเด็นให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคล ในมาตรา 20 ควรให้สถานศึกษาเฉพาะสังกัด ศธ.เป็นนิติบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาของรัฐในแต่ละสังกัด ประเด็นการสรรหาและคุณสมบัติของผู้บริหารสถานศึกษาในมาตรา 40 นั้น ผู้บริหารสถานศึกษานอกจากเคยเป็นครูและรองผู้บริหารแล้ว ต้องมีความรู้เรื่องบริหารการศึกษา และให้คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ เป็นผู้กำหนดแนวทางการสรรหาและพัฒนาผู้บริหาร ประเด็นให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาได้รับเงินวิทยฐานะ ควรกำหนดให้ชัดเจนในมาตรา 41 เพื่อมีความชัดเจนว่าบุคลากรทางการศึกษาอื่นที่เคยได้รับเงินวิทยฐานะอยู่แล้วในปัจจุบันยังคงได้เงินวิทยาฐานะเช่นเดิม
รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า ในส่วนโครงสร้างการบริหารราชการ ศธ.ระดับภูมิภาคนั้น คณะกรรมาธิการฯได้พิจารณาให้คงอยู่ตามหลักการเดิมที่ร่างพ.ร.บ.ฉบับของรัฐบาลเสนอไว้ พร้อมทั้งยืนยันว่าพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจะไม่กระทบการทำงานในระดับภูมิภาคของ ศธ.