หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.....ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ.....ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2566
- ปฏิทินการเมือง ที่ฟันธงตรงกันจากทุกฝ่าย...จะมีการยุบสภา ไม่เกิน เดือน มี.ค.นี้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น....จากบริบททางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา....ที่ฝ่ายพิธีการของพรรค รวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รวมไทยสร้างชาติ มี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค ในประมาณกลางเดือนนี้....หรือ อาจจะถือฤกษ์งามยามดีวันเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ เลข 21 มาแรง...ไม่เกินเดือน ม.ค. ...ลุงตู่จะลุยสนามการเมืองเต็มตัว....ถ้าผิดไปจากนี้....ก็แสดงว่ามี เงื่อนไขพิเศษ...ที่จะทำให้การเมืองต้องลากยาวอีกกระทอก
...
- ส่วน เพื่อไทย จะ แลนด์สไลด์ขนาดไหน ยังต้องคิดหนัก...คนรุ่นใหม่ปะทะคนรุ่นใหม่.....ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล......ต่อกระแสที่ว่า เพื่อไทย ไม่จับมือกับ ก้าวไกล ตั้งรัฐบาล.....สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี รุ่นใหญ่ไฟกะพริบพรรคเพื่อไทยเฉลยแล้ว.....เป็นเรื่องอนาคต ปัจจุบันเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น...แต่เชื่อว่า ฝั่งประชาธิปไตยต้องสู้ไปด้วยกัน.....ฝนยังไม่ตกอย่าเพิ่งรีบกางร่ม เดี๋ยวมันจะยุ่ง....ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายอยู่ดี จริงมะ
- ส่วนที่ยังยืนหยัดสู้ตายคาสนามเลือกตั้ง นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ระบุ...ตอนนี้ กลุ่มพรรคเล็ก ประกอบด้วย ปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยฯ คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย และ สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่...จะไม่ย้ายและยุบพรรคแน่นอน.....เหลือ พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรมที่แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองแต่ยังรักษาพื้นที่เอาไว้ให้น้องชายลงสมัคร จับมือ ดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯและ พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.พลังประชารัฐ...เตรียมย้ายเข้าพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มี อุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค.....บัตรเลือกตั้งสองใบหาร 100 ยังทรงอิทธิพลทางการเมืองอยู่ดี
...
- เรื่องใหญ่ที่ ครม. ถกกันหน้าดำหน้าแดง ...ไม่ใช่เรื่องกรณีการแต่งตั้ง สุพิศ พิทักษ์ธรรม เป็นอธิบดีกรมฝนหลวง ตามที่ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เป็นผู้เสนอ......ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ชี้แจง เรียบร้อยโรงเรียน ครม.ไปแล้ว.....แต่เป็นเรื่องที่ ไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งจะได้โอกาสเดินทางออกนอกประเทศตามมาตรการผ่อนคลาย โควิดเป็นศูนย์ ของ รัฐบาลจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.นี้เป็นต้นไป.....โดยหลายประเทศกำหนดให้ นักท่องเที่ยวจากจีน จะต้องแสดง ผลตรวจเอทีเค ไม่เกิน 48 ชั่วโมง.....แต่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข...ยืนยันจะไม่มีการขอแสดงผลตรวจโควิดจากนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากจะเป็นการเลือกปฏิบัติ.....รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกัน ที่ค้างท่อ ครม.มาตั้งแต่ปีที่แล้ว...จะมีการลดเงื่อนไข ให้ใช้สิทธิได้แค่ 5 แสนราย เท่านั้น.....ยังเป็น มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ยังไม่เต็มคาราเบลอยู่ดี
- ยิ่งฟัง นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาแฉถึง สถานการณ์โควิด ทั่วโลก...รวมผู้ป่วยสะสม 665,020,868 คน....เสียชีวิต 6,697,458 คน.....ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับ...ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และฝรั่งเศส...ล้วนแต่เป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย.....จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ จากเอเชียและยุโรป วันละร้อยละ 97.08 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด .....จำนวนผู้เสียชีวิต ร้อยละ 93.6....ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดมาแล้ว...ดังนั้นจึงไม่ควรประมาทกับการกลับมาระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ จบข่าว
...
...
- ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ในปีนี้ อาการน่าเป็นห่วง....ไอเอ็มเอฟ ประเมิน การเติบโตของเศรษฐกิจ ไว้ไม่เกินร้อยละ 2.7 เท่านั้น.....นอกจาก สงครามรัสเซีย–ยูเครน...ที่ยังเป็นปัจจัยลบ....สงครามเย็น การแบ่งขั้วมหาอำนาจ จะทำให้วิกฤติเศรษฐกิจลากยาวออกไปอีก.....ความขัดแย้งชัดเจนของ ขั้วอำนาจโลก....จีนและสหรัฐฯ...ทำให้เกิด ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ....ประเทศไทยในภาวะที่เปราะบาง ในทุกมิติ....จะเจอกับวิกฤติ ที่ซ้อนวิกฤติและซ้อนวิกฤติ....เป็นดินพอกหางหมู....ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ...อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาลออกมายืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการใน ครม. เป็นห่วงประเด็น ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์....ที่ ท้าทายความมั่นคงของประเทศ...ตอกย้ำจาก ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯระบุ .....ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีความสำคัญและต้องเฝ้าระวังที่จะมีผลกระทบซ้ำเติมต่อเศรษฐกิจโลก....ที่ประเทศไทยเองก็หนีวิกฤตินี้ไม่พ้นอยู่ดี .....ค่าเงินบาท ยังแข็งค่า 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ราคาพลังงาน ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น....อัตราเงินเฟ้อคงที่ การส่งออกลดลง การผลิตลดลง.....ว้าเหว่
- อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ชี้แจงตามที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤติพลังงาน ม.ค.-เม.ย.นี้....คณะกรรมการบอร์ด ปตท. ได้เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยจัดสรรก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งพยายามจัดหา LNG ที่มีราคาเหมาะสม มุ่งลดต้นทุนเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้า เทียบเท่า 6,000 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ...ที่ผ่านมา ปตท.บริหารจัดการด้านพลังงานเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนรวมงบประมาณการช่วยเหลือตลอดโครงการ แล้วกว่า 1,223 ล้านบาท...ให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนทั้ง ผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ใน กทม.และปริมณฑล และกลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ...มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาล ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง
"อินทรีเหล็ก"