เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา “Google ประเทศไทย” แถลงข่าวที่มักแถลงเป็นประจำในวันสิ้นปีว่า เรื่องใดๆหรือหัวข้อใด? หรือถ้อยคำใดๆที่คนไทยเข้าค้นหามากที่สุดในปีนั้นๆ
ผลปรากฏว่า ในหมวดทั่วไป อันดับ 1. ได้แก่ “สวัสดิการแห่งรัฐ” อันดับ 2. แตงโม นิดา และ 3. คนละครึ่งเฟส 5
ในขณะที่หมวดหมู่ว่าด้วย “เพลง” อันดับ 1 ได้แก่ “นะหน้าทอง” ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ อันดับ 2 ได้แก่ “โต๊ะริม” ของ นนท์ ธนนท์ และอันดับ 3 ได้แก่ “พิจารณา” โดย Musketeers Feat MAIYARAP ฯลฯ
เป็นการยืนยันอีกครั้งว่า...เรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับคำค้นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ฮิตมาก และพูดถึงกันมากในสังคมไทยในปีที่ผ่านมา
สำหรับคำค้นว่าด้วยเรื่องเพลงที่ผลลัพธ์ออกมาว่าเพลง “นะหน้าทอง” ของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ เป็นอันดับ 1 นั้น เป็นไปตามโผทุกประการ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่มาแรงที่สุดตั้งแต่กลางปี 2565 โน่นแล้ว
ผมเคยเขียนไว้ 1 ครั้ง ก่อนสิ้นปีใหม่ว่าเพราะเหตุใด เพลงนี้ถึงได้ฮิตและถูกใจคนไทยหนักหนา รวมทั้งตบท้ายกราบเรียนไปถึงท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ว่าอยากให้ท่องคาถา “นะหน้าทอง” กับเขาบ้าง
เพราะแม้ในยุค 4.0 อย่างทุกวันนี้ จะไม่มีใครเชื่ออีกแล้ว แต่การลงนะหน้าทองไว้ หรือทำใบหน้าให้สดใสยิ้มแย้มแจ่มใสเอาไว้เรื่อยๆก็น่าจะดีกว่า “นะหน้าหงิก” หรือ “นะหน้างอ” อย่างแน่นอน
วันนี้เนื่องในโอกาสที่คำว่า “นะหน้าทอง” กลายเป็นคำค้นสูงสุดในประเภทบทเพลงของ “กูเกิล” ผมขออนุญาตขยายความอีกนิดนะครับ
...
เพราะมีโอกาสได้ดูคลิปโปรโมตเพลง นะหน้าทอง ที่นักร้องโจอี้กับ “น้องเจน” ผู้แสดงเป็นนางเอก MV เพลงนี้เกี่ยวก้อยกันไปขอพรเจ้าอาวาส วัดบางแพรก นนทบุรี ที่เป็นวัดโบราณตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาวัดหนึ่ง และมีประวัติในเรื่องเครื่องรางของขลังอยู่พอสมควร
เจ้าอาวาสถามว่า เพลงที่จะมาขอพรชื่อเพลงอะไร...เมื่อโจอี้บอกว่าเพลง “นะหน้าทอง” ท่านก็กล่าวขึ้นว่า
นะหน้าทองเป็นคาถามหานิยมเก่าแก่ของบ้านเรา ถือกำเนิดมาเป็นร้อยปีแล้ว...เป็นคาถาที่จะช่วยทำให้คนซึ่งทำดี เป็นที่รักของคนอยู่แล้ว เกิดความมั่นใจหันมาทำดีเพื่อเป็นที่รักของผู้คนยิ่งขึ้นไปอีก
พร้อมกับสรุปว่า “จะให้คาถา นะหน้าทอง ได้ผล จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ...จำไว้นะโยม...เอ้า...ขอให้เพลงนี้ดัง...ดัง...ดัง” และอีกไม่กี่เดือนต่อมาเพลงนี้ก็ดังมากจริงๆ
แต่ก็อย่างที่ผมเคยวิเคราะห์ไว้ว่า เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองไพเราะมาก เนื้อร้องออดอ้อนให้ผู้หญิงหลงใหลก็ลงตัวมาก...ตัวผู้ร้องก็ร้องได้ดีมาก...มิวสิกวิดีโอก็น่ารักมาก วิวสวยเหลือเชื่อ ฯลฯ
เหนืออื่นใด การโปรโมตก็ทำได้ดี ใช้สื่อสังคมออนไลน์ เผยเบื้องหน้าเบื้องหลังต่างๆในทุกแพลตฟอร์มพร้อมๆกัน
เข้าทำนอง คำสอนของเจ้าอาวาสที่ว่า คาถาบทนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อคนคนนั้นเป็นคนดีอยู่แล้วนั่นเอง เมื่อทำดีเพิ่มขึ้น...โน่นนิดนี่หน่อย รวมๆกันเข้าจะเกิดผลดีมากขึ้นไปอีก
พูดง่ายๆก็คือ เพลงน่ะดีอยู่แล้วมาได้การโปรโมตที่ดีจึงดังระเบิด... ในขณะที่การ “ปลุกเสก” เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเชื่อมั่นเท่านั้น
ผมจึงขอถือโอกาสนี้เชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยท่องคาถา “นะหน้าทอง” หรือทำในสิ่งที่ดีงามอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปอีก เพื่อที่จะเป็นที่รักที่ชอบของผู้คนทั่วโลกต่อไป
ทุกวันนี้เราทำดีและมีของดีมากมาย นักท่องเที่ยวจึงหลั่งไหลมาเที่ยวอย่างล้นทะลักอย่างที่เป็นข่าว
ยิ้มให้นักท่องเที่ยวไว้ ให้บริการดีๆต่อเขาไว้ อย่าไปทำร้ายหรือทำอันตรายแก่เขาโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่าไปขูดรีด อย่าไป “ฟัน” หรือเอารัดเอาเปรียบเขาเป็นอันขาด ฯลฯ
ถ้าทำได้เช่นนี้ จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวรักประเทศไทยและรักคนไทย และอยากจะมาเที่ยวเมืองไทยเรามากยิ่งขึ้น
ผมขอย้ำอีกครั้งว่า คาถาจะศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่? อย่าไปใส่ใจมากนัก...ขอให้นึกถึงความจริงที่ว่า “นะหน้าทอง” หรือใบหน้าที่ผ่องใสอย่างไรก็ดูดีกว่า “นะหน้าหงิก” หรือ “นะหน้างอ” แน่นอน
รู้ตัวกันหรือเปล่าหนอว่า ทุกวันนี้เราชักจะมีคนหน้าหงิกหน้างอขี้ยัวะใจร้อนมากเหลือเกิน เอะอะก็ด่ากัน ทะเลาะกัน บูลลี่กัน ฯลฯ
ถ้าเรายังเป็นคน “พันธุ์ดุ” กันแบบนี้ จะให้ประเทศไทยเราเป็นที่รักของผู้คนทั่วโลก...ไปตราบกาลนาน...ได้ยังไงล่ะครับ?
“ซูม”