อำลา “พญาเสือ” ใจดี สู่ปี “กระต่ายน้อย” ใจปํ้า
วันที่ 31 ธันวาคม 2565 วันสุดท้ายของ “ปีขาล” หรือ “พญาเสือใจดี” เดินทางมาถึงแล้ว
ได้เวลา “จากใจไทยรัฐ” คอลัมน์พิเศษของพวกเราชาวไทยรัฐ ที่จะมาพบท่านผู้อ่านปีละครั้ง ในวันสุดท้ายของปี...เช่นเคย
ต้องขอขอบคุณ “พญาเสือ” เป็นอย่างยิ่ง ที่นำการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการซาลงอย่างชัดเจนของโรคร้ายโควิด-19 มามอบแก่พวกเราชาวไทย นับแต่ครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นมา
เป็นผลให้ปีที่กำลังจะผ่านไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า กลายเป็นปี “แห่งความสุข” และ “ความหวัง” ของพวกเราชาวไทยในฉับพลัน
ท่านผู้อานที่เคารพ
เหลียวหลังกลับไปสู่ต้นปี 2565 จะพบว่าพวกเราชาวไทย ต่างตกอยู่ในสภาพที่ยังคงฝันร้ายอยู่เหมือนเดิม เนื่องเพราะการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่ชื่อว่า “โอมิครอน” กลับมาทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกระฉูดขึ้นอีก
...
ซํ้าเติมภาวะเศรษฐกิจที่ยังทรุดลงอย่างต่อเนื่อง จนแทบไม่มีทางจะเงยศีรษะขึ้นมาได้
มิหนำซํ้ายังมีข่าวร้ายระดับโลกเมื่อ รัสเซีย บุกเข้ายึดดินแดนหลายส่วนของ ยูเครน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก นาโต และกลุ่มประเทศในยุโรป
ส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพงทั่วโลกกลับแพงหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก...จากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคานํ้ามัน
แต่แล้วพอใกล้ถึงกลางปี ทุกอย่างกลับคลี่คลายลง...โอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนที่สุดนับแต่โควิด-19 ระบาด ประกอบกับการฉีดวัคซีนที่เป็นไปอย่างทั่วถึงในระดับหนึ่งของประเทศไทย
ทำให้รัฐบาลเกิดความมั่นใจ ตัดสินใจเปิดประเทศอย่างมีเงื่อนไขขึ้นก่อนผ่านโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งประสบความสำเร็จใหญ่หลวง
เป็นที่มาของการตัดสินใจเปิดประเทศทั้ง ประเทศ...ในที่สุด
ประกอบกับรัฐบาลเอง ซึ่งรับหน้าเสื่อในการจัดประชุมเอเปก ก็จัดได้ดีมาก ทั้งบรรยากาศการประชุม และบรรยากาศนอกห้องประชุมเป็นไปอย่างสวยงามตื่นตาตื่นใจ มีส่วนอย่างยิ่งในการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยอย่างล้นทะลักหลังจากนั้น
มาถึงนาทีนี้ นักพยากรณ์เศรษฐกิจทุกสำนัก ต่างคาดหมายว่า เศรษฐกิจไทยของปี 2565 ทั้งปีน่าจะขยายตัวไม่ตํ่ากว่าร้อยละ 3.5
ส่งผลให้ปี 2565 หรือปีพญาเสือ ที่กำลังจะผ่านไปเป็นปีแห่งการฟื้นตัว...ปีแห่งความหวัง...ดังได้กล่าวไว้แล้ว
ท่านผู้อ่านที่เคารพ
แม้ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก แต่ในข้อเท็จจริง ก็ยังมีประเด็นปัญหาที่จะต้องแก้ไขอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ปัญหาจำนวนคนจนของประเทศไทย ที่ยังไม่ลดลง ปัญหาการกระจายรายได้ที่ยังเหลื่อมลํ้า รวมไปถึงปัญหาการว่างงานของคนไทย โดยเฉพาะผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน ที่มีรายงานว่าสูงกว่า 120,000 แล้ว
นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านสังคม และอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง หลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะเหตุการณ์ “กราดยิง” ที่จังหวัดหนองบัวลำภู นำไปสู่การเสียชีวิตถึง 38 ราย นับเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สะเทือนขวัญคนไทยอย่างยิ่ง
ล่าสุดในช่วงท้ายปีก็มีข่าวเศร้าสะเทือนใจ จากการจมลงในอ่าวไทยของ เรือรบหลวงสุโขทัย อันเนื่องมาจากปัญหาพายุและคลื่นลมแรง ที่คาดไม่ถึง ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตลูกเรือไปจำนวนหนึ่ง
รวมทั้งข่าวการทรงพระประชวรของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ซึ่งยังประทับรักษาพระองค์อยู่ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ท่ามกลางความห่วงใยของพสกนิกรที่ต่างพร้อมใจกันสวดมนต์ภาวนา ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยนับถือ จงช่วยดลบันดาลให้พระองค์ภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็วที่สุด
ท่านผู้อ่านที่เคารพ
มองออกไปข้างหน้าสู่ปี 2566 หรือปีกระต่าย ใจปํ้าอันเป็นปีที่นักเศรษฐกิจคาดหมายว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวมากขึ้นไปอีกของประเทศไทย
โดยมีการท่องเที่ยวเป็นแกนนำ
แต่ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศและเพิ่มรายได้แก่ประเทศจะต้องมาจาก “เครื่องยนต์” หลายๆเครื่อง เพราะฉะนั้นการเร่งรัดอุตสาหกรรมส่งออกที่ทันสมัย สินค้าเกษตรกรรม โดยเฉพาะด้านอาหารและวัตถุดิบ รวมไปถึงการสร้างบรรยากาศการลงทุนเพื่อดึงทุนจากต่างประเทศจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ภาครัฐจะต้องเร่งรัดอย่างเต็มที่
ประเด็นที่น่าห่วงใยสำหรับปีหน้า 2566 จึงน่าจะอยู่ที่ว่า บรรยากาศการค้าโลกจะเป็นอย่างไร? การแก้ปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆทั่วโลกที่จะประสบความสำเร็จหรือไม่?
...
รวมทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการค้าโลกและเศรษฐกิจโลกจะสงบลงหรือขยายออกไปอีก?
ท่านผู้อ่านที่เคารพ
ก็มาถึงปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยของเราจะเผชิญในปี 2566 นั่นก็คือปัญหาที่ว่า นักการเมือง หรือพรรคการเมืองใดจะมาเป็นผู้นำ และบริหารประเทศ หลังการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินกลางปีหน้า
ขณะนี้เริ่มมีการเสนอตัวจากพรรคการเมืองต่างๆอย่างไม่เป็นทางการบ้างแล้ว ว่าท่านโน้นท่านนี้จะขันอาสามาเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนต่อไป
จึงถือเป็นการบ้านข้อใหญ่สำหรับพวกเราชาวไทยที่จะต้องตัดสินใจเลือกบุคคลที่เราเห็นว่าดีที่สุด หรือเหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ที่แม้จะเต็มไปด้วยความหวังในปีหน้า แต่ก็ยังเปี่ยมไปด้วยปัญหาและอุปสรรคทั้งในระดับบ้านเรา และระดับโลกอย่างที่กล่าวไว้แล้ว
ท่านผู้อ่านที่เคารพ
ก็มาถึงประเด็นสุดท้ายระหว่างเรากับท่าน “ผู้อ่าน” ซึ่ง ณ นาทีนี้คงจะต้องใช้คำว่า “ผู้ชม” ด้วย เพราะเรามีสื่อหลักครบทั้ง 3 หลัก ได้แก่ หนังสือพิมพ์, ออนไลน์ และไทยรัฐทีวีช่อง 32
...
แต่ไม่ว่าจะมีการแตกแขนงออกไปเป็นกี่สื่อก็ตาม “ไทยรัฐ” ก็จะยังคงเป็น “ไทยรัฐ” ที่ท่าน ผอ.กำพล วัชรพล บุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน ได้ปลูกฝังไว้ว่าเราจะต้องอยู่เคียงข้าง “ประชาชน” ในทุกโอกาส
ไม่ว่า “ยามสุข” หรือ “ยามทุกข์” ไทยรัฐจะต้องหล่อหลอมอยู่กับประชาชนตลอดไป
ปีที่ผ่านมาเราร่วมทุกข์กับพี่น้องชาวไทยในทุกเรื่องที่เป็นความทุกข์ ตั้งแต่การปลอบใจไปจนถึงลงช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ดังเช่นโครงการตรวจโควิด-19 ด้วย ATK ในช่วงโควิด-19 ระบาด...ท่านผู้อ่านและผู้ชมคงจะทราบเป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้นเรายังร่วมเติมความสุขผ่านโครงการทายผลฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 ที่กาตาร์ที่เราตั้งชื่อว่า “เชียร์บอลให้มัน เฮลั่นรับโชค” ร่วมกับ บริษัทไปรษณีย์ จำกัด และพันธมิตรต่างๆ
ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่านท่านผู้ชมที่เข้าร่วมสนุกกับโครงการด้วยจำนวนที่น่าชื่นใจ--โดยเฉพาะไปรษณียบัตรอย่างเดียวก็สูงกว่า 103 ล้านฉบับ จำเป็นต้องใช้เวลาคัดแยกหาผู้ทายถูกว่าแชมป์โลกได้แก่อาร์เจนตินาอยู่ในขณะนี้
...
นอกจากการร่วมทุกข์ร่วมสุขเฉพาะกิจในแต่ละปีตามที่เหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นแล้ว
ภาระกิจอีกประการหนึ่ง ที่ ไทยรัฐ ดำเนินการมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2512 คือการสร้างและดูแล โรงเรียนไทยรัฐวิทยา รวมทั้งสิ้น 111 โรง และนักเรียนกว่า 25,000 คน ร่วมกับ สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการอย่างใกล้ชิด
เราขอให้สัญญาอีกครั้งว่าจะสืบสานเจตนารมณ์ของ ผอ.กำพล วัชรพล ในการอุปการะดูแลเกื้อหนุนผ่านมูลนิธิไทยรัฐ เพื่อให้โรงเรียน ไทยรัฐวิทยา ทั้ง 111 แห่ง สามารถผลิตและพัฒนาเด็กไทยในท้องถิ่นทุรกันดารให้เติบใหญ่เป็นพลเมืองที่ดีและมีคุณค่าแก่ประเทศชาติต่อไปตราบนานเท่านาน
สวัสดีปีใหม่จากใจชาวไทยรัฐทุกคน.