อธิบดีกรมการค้าภายใน ชวนคนไทยเที่ยวไทย "ตลาดต้องชม" มีทั้ง "เอกลักษณ์พาณิชย์" และ "อัตลักษณ์ชุมชน" โดยเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าฝีมือคนไทย ชุมชนเด่น สินค้าพื้นเมือง เป็นตลาดที่ขับเคลื่อนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจระดับรากฐาน ที่จัดกิจกรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้ง 180 แห่งทั่งประเทศ
นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ชวนเที่ยวปีใหม่ ชวนไทยเที่ยวไทย ช็อปผลิตภัณฑ์ สินค้าฝีมือคนไทย เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านโครงการ "ตลาดต้องชม" ซึ่งเป็นตลาดที่มีทั้ง "เอกลักษณ์พาณิชย์" และ "อัตลักษณ์ชุมชน" เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์ชุมชนเด่น สินค้าพื้นเมืองเด่น มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย จำหนายในราคาที่เป็นธรรม เป็นแหล่งรวมศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีพื้นบ้าน ที่สะท้อนความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นอายท้องถิ่นที่ชัดเจนบ่งบอกถึงที่มาของชุมชนนั้นๆ เป็นอย่างดี
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์เคยกล่าวเมื่อครั้งลงพื้นที่ตรวจตลาดพ่อตาหินช้าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่า "ตลาดไหนที่พอมีศักยภาพก็อยากให้ช่วยเจียระไนให้เป็นที่ขายสินค้าพื้นเมือง โอทอป เป็นตลาดท่องเที่ยวให้กับชาวไทยและต่างชาติ เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับคนไทยทั้งประเทศในเรื่องของเศรษฐกิจฐานราก"
...
"ตลาดต้องชม" จึงเป็นนโยบายส่งเสริมการตลาดในประเทศที่สำคัญของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการขับเคลื่อนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจระดับฐานราก จากจุดเริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2559 จนถึงวันนี้มีการขยายจำนวนตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีอยู่ในทุกมุมเมือง ทุกจังหวัดทั่วไทย จำนวนมากถึง 238 แห่ง ที่เป็นหมุดหมายสำคัญรองรับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปไปสัมผัส
จากทั้งหมด 238 แห่งทั่วไทย กรมการค้าภายในคัดเลือกมา 180 แห่งที่มีศักยภาพ พร้อมจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2566 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วไปที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว พร้อมกิจกรรมกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมากมาย ได้แก่ ภาคเหนือ 41 แห่ง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 44 แห่ง, ภาคกลาง 61 แห่ง, ภาคใต้ 28 แห่ง และกรุงเทพฯ 6 แห่ง
ซึ่งในกรุงเทพฯ มีตลาดต้องชมให้เดินเที่ยว 6 แห่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดพลู ถิ่นขนมช่ายเจ้าดัง, ตลาดคลองบางหลวง, ตลาดนางเลิ้ง, ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน, ตลาดคลองลัดมะยม และตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ โดยแต่ละตลาดจะมีไฮไลต์สำคัญ และมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป
และตลาดต้องชมใกล้กรุง ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดแถบปริมณฑล อาทิ ตลาดน้ำไทรน้อย จ.นนทบุรี, ตลาดน้ำลำพญา จ.นครปฐม, ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ หรือ ตลาดริมคลองพ่อพันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร
ส่วนเส้นทางขึ้นเหนือมีตลาดต้องชมให้แวะชิม ชม ช็อป ไว้ตลอดเส้นทาง ทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา มี "ตลาดวัดหลวงปู่ทวด" จ.อ่างทอง ต้องแวะ "ตลาดศาลเจ้าโรงทอง" อ.วิเศษไชยชาญ จากนั้นจากนั้นเข้าสู่ จ.สิงห์บุรี มี "ตลาดชุมชนบ้านพิกุลทอง" และ จ.นครสวรรค์ มี "ตลาดท่าเรือคลองคาง" ตลาดแห่งนี้มีอาหารและขนมอร่อยหลายอย่าง เช่น ขนมครกไส้แตก หมึกย่างท่าเรือ ไอศกรีมโอ่ง ฯลฯ มาต่อที่ "ตลาดเก่าวังกรด" ตลาดสดริมแม่น้ำน่าน จ.พิจิตร และตามด้วย "ตลาด 120 ปีวิถีชาววัง" แหล่งสินค้าโอทอปแปรรูปจากกล้วยและขนมเปี๊ยะรสเลิศของเมืองสองแคว จ.พิษณุโลก
สำหรับ จ.แพร่ จะมี "กาดเมกฮิม" เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในชมุชนริมน้ำบริเวณรอบคูเมืองมีกำแพงเก่าแก่มากกว่า 1,000 ปี และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปน้ำออกเศียร ซึ่งมีเพียง 3 องค์ในประเทศไทย ก่อนเดินทางสู่เมืองน่าน สัมผัสวิถีคนน่านผ่าน “กาดข่วงเมืองน่าน” บริเวณถนนคนเดินวัดภูมินทร์ เป็นตลาดที่มีกลิ่นอายล้านนา มีสินค้าเด่น เช่น ผ้าทอลายโบราณและเครื่องเงิน ลงจากดอยเมืองน่านผ่านมาทางเชียงใหม่ แวะ "ตลาดจริงใจ" อาหารปลอดภัยในตัวเมือง เน้นพืชผักอินทรีย์ผลิตจากยอดดอยสู่ผู้บริโภคคนเมือง
นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางสู่อีสานใน จ.ขอนแก่น ต้องไม่พลาด "ตลาดริมทางไก่ย่างเขาสวนกวาง" เมนูดังแห่งเมืองแก่นนคร ส่วนใครนิยมชมชอบผ้าทอมือต้องไม่พลาด "ตลาดผ้าบ้านนาข่า" แหล่งรวมผ้าทอมือหลากหลายของ จ.อุดรธานี แล้วมาปักหมุดที่ "ตลาดถนนคนเดินวีถีคนเชียงคาน" จ.เลย ว่ากันว่ามาเชียงคานทั้งทีต้องพักค้างคืนบ้านไม้เก่าริมโขงชีวิตจะได้ฟิน
...
ในส่วนของอีสานใต้ พลาดไม่ได้คือ "ตลาดคนเดินเซราะกราว" จ.บุรีรัมย์ แหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านเด่นของจังหวัด และมี "ตลาดผ้าไหมบ้านท่าสว่าง" จ.สุรินทร์ หมู่บ้านเก่าแก่และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านโอทอป (OTOP) เพื่อการท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมผ้าไหมแห่งเดียวของประเทศ โดยใน จ.อุบลราชธานี จะมีตลาดริมโขงที่ “ตลาดถนนคนเดินเขมราษฎร์ธานี” ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนริมฝั่งโขง แล้วมากราบสักการะพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของคนสองฝั่งโขง
จากอีสาน ล่องใต้พลาดไม่ได้ "ตลาดพ่อตาหินช้าง" จ.ชุมพร แหล่งแปรูปผลิตภัณฑ์กล้วยเล็บมือนางขึ้นชื่อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หากผ่านพังงาจะต้องแวะ "ถนนวัฒนธรรมตลาดเก่าตะกั่วป่า" แหล่งผลิตแร่ดีบุกยุครุ่งเรืองในอดีต ยังคงหลงเหลือบ้านพักอาศัยสไตล์ชิโนโปรตุเกสให้ได้เห็น และวัฒนธรรมการแต่งกายของลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนในแบบฉบับของชาวเมืองตะกั่วป่า
และตลาดย่านฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต มี "ถนนคนเดินหลาดใหญ่" ตลาดนัดสุดเก๋ย่านตลาดเก่าภูเก็ต ชมพิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว โรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของ จ.ภูเก็ต ลงมาทางกระบี่ ตรัง ผ่านมายังพัทลุงห้ามพลาด "ตลาดใต้โหนด" ตลาดที่มีอัตลักษณ์ด้านชุมชนสีเขียว สินค้าสีเขียว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างจะต้องผลิตจากธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ขายจะไม่มีถุงพลาสติกไว้บริการ ลูกค้าจะต้องนำถุงผ้า หรือภาชนะใส่สินค้าไปเอง
...
และสำหรับ จ.สงขลา ต้องแวะ "ตลาดน้ำคลองแห" ตลาดน้ำชื่อดังที่จำลองวิถีดั้งเดิมการทำมาค้าขายทางน้ำของชาวบ้านคลองแหในอดีต มีขนมพื้นเมืองและอาหารปักษ์ใต้หลากหลายไว้บริการ ด้วยภาชนะใส่อาหารด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ปัจจุบันเป็นตลาดน้ำเชิงวัฒนธรรมของชาวเมืองสงขลา
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จ.ยะลา จะมี "ตลาดนัดชุมชนบ้านคลองทรายใน" ริมถนนสาย 418 ยะลา-ปัตตานี ทางผ่านเสมือนจุดพักรถที่มีหลักกิโลเมตรใหญ่ที่สุดของจังหวัดตั้งเด่นเป็นสง่า มีผลิตภัณฑ์เด่นเป็นที่รู้จักในนาม "ไก่กอและ" และสุดท้ายปลายทางที่ "ตลาดยะกัง ขนม 100 ปี" จ.นราธิวาส กับตำนานความอร่อยขนมโบราณที่ขอบอกคำเดียวว่าเด็ด เต็มไปด้วยขนมพื้นบ้านสูตรโบราณหายากมากมาย อาทิ ขนมบาตาบูโระ ขนมปูตูฮาลือบอ ขนมจูโจ ขนมเจ๊ะแมะนาซิดาแฆ นาซิกายอ เป็นต้น.