ดีเอสไอสนธิกำลังเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง-การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค-กรมศุลกากร เปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด “Electrical Shock” ปูพรมค้น 50 จุดในกรุงเทพฯและ จ.นนทบุรี จับลักใช้กระแสไฟฟ้าต่อเข้าเครื่องขุดเงินดิจิทัลโดยไม่ผ่านหม้อแปลง สร้างความเสียหายให้รัฐปีละกว่า 500 ล้านบาท พร้อมยึดเครื่องขุดกว่า 3,000 ชุด หลังลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย พบทั้งหมดเป็นเครือข่ายของคนไทย อยู่ระหว่างนำผู้ดูแลไปขยายผล

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 30 พ.ย. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เพื่อเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือปฏิบัติการ “Electrical Shock” มี พ.ต.ท.เฉลิมชนม์ อุณหเสรี รอง ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ รักษาการ ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายชวภณ สินพูนภักดิ์ ผอ.ส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการ “Electrical Shock” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ก่อเหตุลักกระแสไฟฟ้าใช้ทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล 50 จุดในพื้นที่ จ.นนทบุรีและ กทม. ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท

สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษรับคำร้องเรียน มีขบวนการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์ นำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศและลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวน ประสานกับการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร พบจุดต้องสงสัยกระจายตัวในพื้นที่ กทม.และ จ.นนทบุรี เบื้องต้นพบกลุ่มนายทุนมีพฤติการณ์เช่าอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ กทม.และ จ.นนทบุรี เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัลและมีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคารโดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้จ่ายค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่จ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300-2,000 บาท สร้างความเสียหายให้การไฟฟ้านครหลวงปีละหลายร้อยล้านบาท การกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เกิดความเสี่ยงให้เกิดอัคคีภัย เนื่องจากเหมืองขุดเงินดิจิทัลใช้ไฟฟ้าสูงเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าในโรงงานทำให้เกิดความร้อนสูง ถือเป็นการใช้อาคารพาณิชย์ผิดประเภท

...

ต่อมาเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 3 คูหา เลขที่ 73/102-104 หมู่ 1 หมู่บ้านภัทรนิเวศน์ ซอยสามัคคี 28 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับขุดเงินสกุลดิจิทัลจำนวนมาก ที่ชั้น 2 และชั้น 3 ของอาคารดัดแปลง ช่องระบายความร้อนและเปิดหน้าต่างคล้ายห้องอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับขุดเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังพบการต่อเติมฝ้าเพดานปกปิดสายไฟที่ต่อเข้ากับอาคาร เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเข้าตรวจสอบพบการต่อสายไฟเข้าอาคารโดยตรงไม่ผ่านหม้อแปลง ส่วนบริเวณใกล้เคียงเจ้าหน้าที่ยังพบการลักลอบตั้งเหมืองขุดบิทคอยน์กระจายตามจุดต่างๆในหมู่บ้านอีก 6 จุด ทั้งหมดมีชาวไทยคนเดียวกันเป็นเจ้าของ

หลังเสร็จสิ้นการตรวจค้น นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า การเข้าตรวจสอบครั้งนี้เนื่องจากพบบริษัทขุดเงินดิจิทัลโกงค่าไฟฟ้าใช้อาคารบ้านพักเป็นที่ปฏิบัติการ 41 จุด เมื่อลงพื้นที่พบการกระทำผิดเพิ่มอีก รวมทั้งหมดเป็น 50 จุด จุดแรกที่เข้าตรวจค้นในวันนี้เป็นจุดสำคัญเนื่องจากเป็นจุดที่มีผู้ดูแลถือกุญแจ แต่ละอาคารจะมีเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 30 เครื่อง ปกติจะต้องเสียค่าไฟขั้นต่ำเดือนละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท แต่กลับพบว่าอาคารแห่งนี้เสียค่าไฟแค่เดือนละ 300 บาท ลักลอบทำมานานกว่า 1 ปี หากรวมทั้งหมด 50 จุด มีจำนวนคอมพิวเตอร์มากกว่า 3,000 เครื่อง สร้างความเสียหายให้รัฐจำนวนมาก

“การตรวจค้นครั้งนี้ยังไม่สามารถสรุปความเสียหายได้ทั้งหมด แต่สามารถดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ เป็นการขโมยใช้ไฟฟ้าของรัฐต้องถูกดำเนินทั้งคดีแพ่งและอาญา ส่วนข้อหาอื่นจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังพบเจ้าของเป็นคนไทย อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่มเติมถึงนายทุนรายอื่นเพิ่มเติม” นายไตรยฤทธิ์กล่าว

ขณะที่นายชวภณ สินพูนภักดิ์ ผอ.ส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ 2 กล่าวว่า ตรวจสอบเครื่องขุดเงินดิจิทัลทั้งหมดกว่า 3,000 ชุดถูกลักลอบนำเข้าโดยผิดกฎหมาย มีทั้งเครื่องที่ติดตั้งใช้งานแล้วและเครื่องที่ยังไม่ได้ใช้งานอยู่ในสต๊อก ราคาต่อเครื่องจะอยู่ที่ 1-3 แสนบาท เครื่องที่ใช้งานทั้งหมดหากติดตั้งผ่านมิเตอร์ไฟฟ้าจะต้องเสียค่าไฟให้กับการไฟฟ้านครหลวงไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อเดือน แต่นี่ผู้กระทำความผิดชำระค่าไฟฟ้าแค่หลักร้อยถึงหลักพันต่อเดือน ทั้งนี้ ดีเอสไออยู่ระหว่างขยายผลติดตามนายทุนที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี