นายอรรถพล ตรึกตรอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนได้ประชุมคณะทํางานจัดทํานโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับร่างนโยบายและจุดเน้นของ ศธ. เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องจาก ปีงบประมาณ พ.ศ.2565-2566 ตลอดจนเป็นไปตามสถานการณ์ยุคปัจจุบัน แผนงาน นโยบายของ รัฐบาลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงมุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัย ได้รับการพัฒนาทุกมิติ รวมทั้งมีสมรรถนะที่จําเป็นสําหรับโลกยุคใหม่ ซึ่งนโยบายและจุดเน้นปีการศึกษา 2567 จะเสนอให้ น.ส.ตรีนุช รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาลงนามประกาศเห็นชอบต่อไป
ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า นโยบายและจุดเน้น ศธ. ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จะเน้นเรื่องการศึกษา เพื่อความปลอดภัย เพราะเป็นนโยบายสําคัญของ น.ส.ตรีนุช ที่ต้องการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทุกมิติ เช่น ความปลอดภัยจากการเดินทาง ความรุนแรง การคุกคามทางเพศเป็นต้นมีข้อกําหนดมาตรการด้านความปลอดภัยชัดเจน มากขึ้น ดังนั้น ศูนย์ความปลอดภัยของ ศธ.หรือ MOE Safety Center จะ ต้องมีบทบาทและแผนขับเคลื่อนดําเนินงานเรื่องนี้ให้ชัดเจน รวมถึงยกระดับ คุณภาพการศึกษาไม่ว่าจะเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่านกระบวนการ Active Learning การเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกช่วงวัย และการแก้ปัญหาเรื่อง ภาวะการเรียนรู้ถดถอย และการสร้างมาตรฐานการเรียนแบบโฮมสคูล และ การสร้างโอกาสทางการศึกษาเนื่องจากที่ผ่านมาได้สํารวจพบเด็กยากจน 1.8 ล้านคนไม่ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาและไม่ทํางาน หรือที่เรียกว่า กลุ่ม NEET เด็กกลุ่มนี้จะใช้อาสาสมัคร ศธ.ลงพื้นที่ค้นหาเพื่อให้เด็กอ่านออกเขียนได้สร้าง กิจกรรมให้เหมาะสมทุกช่วงวัย นําไปสู่การเรียนรู้และการมีงานทําได้ในอนาคต
...
“นอกจากนี้ ผมจะหารือกับ รมว.ศธ. ให้แก้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ได้กําหนดตัวชี้วัดและแผนแม่บทด้านการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยกําหนดตัวชี้วัดสัดส่วนนักเรียนชั้น ม.3 จะต้องมีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ร้อยละ 50 ขึ้นไป ขัดแย้งกับประกาศของ ศธ.ที่ได้ยกเลิกการจัดสอบโอเน็ตไปแล้ว เพราะสร้างความยุ่งยากและซับซ้อน ต่อผู้เรียน” ปลัด ศธ.กล่าว.