หลังจากที่ ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ เข้ามารับตำแหน่งนายกเมืองพัทยาตั้งแต่หลังเลือกตั้งพฤษภาคม 2565 โดยมีวาระ 4 ปี “นายกพี่เบียร์” ของชาวพัทยา ได้ริเริ่มนโยบายที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่หาเสียงในการเลือกตั้งคู่ขนานไปกับนโยบายที่ดี คือ การพลิกโฉมพัทยา หรือ Neo Pattaya ต่อจากอดีตนายกเมืองพัทยาคนก่อนอีกด้วย โดยจะสานต่อการปรับปรุงถนนที่เกาะล้าน ทำทุ่น ท่าเทียบเรือใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาดให้สะอาดพัทยา เพิ่มที่จอดรถ เพื่ออำนวยความสะดวก รองรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคักดังเดิมหลังจากผ่านสถานการณ์โควิด

นโยบาย “Better Pattaya ต่อยอดต่อเนื่อง เพื่อเมืองพัทยาที่ดีขึ้น” ทำให้พัทยาเป็นเมืองน่าอยู่ และเพื่อรองรับสังคมสูงวัย จึงมีนโยบาย Smart Senior โดยตั้งโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยให้เข้ามาเรียนรู้และมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเกิดเป็นเครือข่ายผู้สูงวัยต่อไป โดยมีผู้สูงวัยรุ่นแรกเข้าร่วมเป็นนักเรียนแล้วกว่า 100 ท่าน เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ Social Media การรู้เท่าทันสื่อออนไลน์ การทำกิจกรรมต่างๆ การออกกำลังกาย

ด้านการศึกษา สนับสนุนการเรียนการสอนตามความสนใจของนักเรียนระดับมัธยมปลาย ในโรงเรียนสังกัดเมืองพัทยา โรงเรียนไหนโดดเด่นด้านใดก็สนับสนุนด้านนั้น เช่น ด้านกีฬา ด้านการเป็นมัคคุเทศก์ หรืออีก 6 สาขาวิชาชีพ เป็นต้น

ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย “สะอาดก่อนสว่าง” เจ้าหน้าที่จะเก็บขยะให้แล้วเสร็จก่อนฟ้าสางในทุกๆ วัน ลดปัญหาขยะตกค้างในเมืองพัทยา รณรงค์ให้มีการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง การอนุญาตให้นำขยะชิ้นใหญ่ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์มาทิ้งได้ และอาจจะพัฒนาในการนำขยะมาเพิ่มมูลค่าต่อไปในอนาคต

ด้านสาธารณสุข ปัจจุบัน พัทยามีผู้ป่วยสูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงระบบการรักษาพยาบาล หรือไม่สามารถเดินทางไปรับบริการทางการแพทย์ ณ โรงพยาบาล แนวคิดที่จะสร้าง ระบบสาธารณสุขเชิงรุก โครงการ “หมอถึงบ้านพยาบาลถึงเรือน” จึงมีความจำเป็นและสำคัญยิ่งในการจะให้บริการได้ครอบคลุม ต้องใช้เครือข่ายระบบสาธารณสุขทั้งโรงพยาบาลของรัฐฯ โรงพยาบาลในสังกัดเมืองพัทยา ศูนย์สาธารณสุขชุมชน 29 แห่ง และอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวนถึง 239 คน จึงจะทำให้การติดตามดูแลผู้ป่วยสูงวัยและผู้ป่วยติดเตียงทั่วถึงและมีคุณภาพ จะต้องขยายบริการให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่ในเมืองพัทยา และเพิ่มระบบ Telemedicine

ยิ่งไปกว่านั้น ปีหน้าได้เตรียมกิจกรรมในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะส่งเสริมผลักดันการจัดกิจกรรมอีเวนต์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพื่อกระตุ้นภาพลักษณ์การท่องเที่ยวให้มีความยิ่งใหญ่ เร้าใจ เป็นที่สนใจ จะพัฒนากิจกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้พัทยาที่เคยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาโดยตลอดให้แตกต่างไปจากเดิม จะรวมงาน Pattaya Festival เข้ากับงาน Pattaya LGBTQ เพื่อให้กิจกรรมในงานมีความหลากหลายยิ่งขึ้น ถูกใจคนไทย ประทับใจต่างชาติ จะยกระดับงาน Pattaya Marathon ให้เป็นงานแข่งขันระดับนานาชาติ เชิญชวนนักแข่งระดับโลกมาร่วมแข่งขัน และจับมือกับภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนกลุ่มเป้าหมายในประเทศ พัทยาพร้อมที่จะเป็นสถานที่สำหรับการจัดงานประชุม สัมมนา งานประชุมทางวิชาการ งานแสดงสินค้า (MICE City) ตลอดจนกลุ่มที่ได้รับรางวัลเป็นทริปท่องเที่ยว พัทยาเหมาะที่จะเป็นสถานที่ต้อนรับและรองรับทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งทำงานและท่องเที่ยวให้เป็นเรื่องเดียวกัน

นอกจากนี้ นายกพี่เบียร์ต้องการนำเสนอให้พัทยาเป็นเมืองภาพยนตร์ในปี พ.ศ.2570 โดยริเริ่มสนับสนุนให้โรงเรียน 11 แห่งในสังกัดเมืองพัทยามีหลักสูตรการเรียนการสอนด้านการถ่ายทำหนังสั้น ทำคลิป เพื่อให้เกิดการรับรู้ไปในวงกว้าง และดึงดูดให้นักสร้างภาพยนตร์เข้ามาใช้พัทยาเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เป็นการเผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวของไทยไปสู่วงกว้างในระดับสากล

นายกพี่เบียร์มีความเป็นห่วงปากท้องของชาวพัทยาที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมากว่า 2 ปี จึงมีนโยบาย “เปิดทำเลทอง ขยายพื้นที่ขายของเพื่อคนพัทยา” เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการหารายได้เพื่อคนพัทยา และสร้าง Landmark ใหม่ๆ ของการท่องเที่ยว จึงเกิดแนวคิดที่จะเปิดพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อาทิ บริเวณแหลมบาลีฮาย โดยเมืองพัทยาจะสนับสนุนให้คนพัทยานำสินค้ามาขาย ทั้งของที่ระลึก อาหาร ของฝาก หรือผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยจะมีการคัดกรองให้คนพัทยาได้ลงทะเบียนผู้ค้า เพื่อได้รับสิทธิ์ในการขายในพื้นที่ก่อนคนนอกเขต และมีการจัดระเบียบเพื่อรองรับผู้ค้ารายอื่นๆ อย่างเหมาะสม พร้อมกับช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอย ให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักและสร้างรายได้แก่คนพัทยา เช่น เดือนพฤศจิกายนนี้เราจะมีการจัดงานพลุนานาชาติ มีการออกร้านจำหน่ายสินค้า มีการจัดพื้นที่ให้กับพ่อค้าแม่ค้าชาวพัทยาได้จับจอง

นี่เป็นเพียง 5 เดือนนับเนื่องจากการเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยาคนล่าสุด นายกพี่เบียร์ใส่เกียร์สามเร่งสปีดขับเคลื่อนเศรษฐกิจพัทยามาได้ขนาดนี้ ถ้าครบวาระ 4 ปี เราจะเห็นพัทยาเจริญเติบโตในทุกมิติ เป็นเมืองน่าอยู่ไม่แพ้กรุงเทพมหานคร นับเป็นความโชคดีของคนพัทยาที่จะได้รับการพลิกฟื้นพลิกโฉมเมืองท่องเที่ยวที่มีรายได้หล่อเลี้ยงชาวเมืองมาช้านานอย่างเอกเทศ และเป็นที่กล่าวขานในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลกขนาดที่ว่า “ถ้ามาประเทศไทยไม่ไปพัทยาถือว่ามาไม่ถึงไทยจริงๆ”