วันนี้ (21 พ.ย. 65) เวลา 10.30 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 65) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแปลงโคก หนอง นา CLM ของนายวราวุฒิ วงศ์มั่น ที่บ้านพรานบุญ หมู่ 13 ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี พร้อมทั้งร่วมกิจกรรมเอามื้อสามัคคีลงแขกเกี่ยวข้าว ปลูกต้นมะเกลือและต้นประดู่แดง ซึ่งได้รับเมตตาจากท่านเจ้าพระคุณพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงพื้นที่ และคณะผู้บริหารจังหวัดประกอบด้วย นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายมานะ สิมมา ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง นายสรสาสน์ สีเพ็ง ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายขรรค์ไชย ทันธิมา ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ นายนคร ศิริปริญญานันท์ นายอำเภอเมืองอุบลราชธานี ดร.ศิริมาเมธ์วดี ศิรธนิตรา นายกเทศมนตรีเมืองพิบูลมังสาหาร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคีเครือข่าย ร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งในระหว่างทำกิจกรรมได้ประกาศว่าขณะนี้กระทรวงมหาดไทย กำลังเตรียมการ Kick-off คืนดินดีให้ผืนแผ่นดินไทย สร้างสรรค์ความสมดุลธรรมชาติ และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้เป็นแผ่นดินทอง เนื่องในโอกาสวันดินโลก 5 ธันวาคม 65 ที่จะถึงนี้
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีเป้าหมายที่จะ Change for Good สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งตั้งใจจะเริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2565 เนื่องจากเป็นเดือนแห่งวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยถือโอกาสวันที่ 5 ธันวาคม 2565 นี้เป็นวัน Kick-off กิจกรรม นอกจากนี้ วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ยังเป็นวันสำคัญของนักปฐพีวิทยาทั่วโลก และเป็นที่น่าภาคภูมิใจเนื่องจากวงการปฐพีวิทยานานาชาติ กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ (International Union of Soil Science : IUSS) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) และองค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) ได้มีฉันทานุมัติเลือกวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเป็น “วันดินโลก (World Soil Day)” เพื่อสร้างความตระหนักให้คนรุ่นหลังได้รับทราบถึงความสำคัญของ “ดิน” ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก ในด้านการพัฒนาการเกษตร ดินเป็นแหล่งผลิตอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และเชื้อเพลิง ดินช่วยพัฒนาระบบนิเวศให้มีความยั่งยืน เอื้อให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยดูดซับคาร์บอน และบรรเทาผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ มนุษย์ใช้ดินเป็นที่ตั้งของที่อยู่อาศัยและเมือง เป็นที่ทิ้งขยะ เป็นตัวกรองและทำน้ำให้สะอาดอีกทั้งยังเป็นการเชิดชูพระอัจฉริยภาพด้านการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรดินขององค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรอีกด้วย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำว่า ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะร่วมกับทุกภาคีเครือข่าย กลไก บวร บรม ครบ และพี่น้องประชาชน Kick-off ขับเคลื่อนช่วยกันพลิกฟื้นดินที่ย่ำแย่ ที่ถูกตัดต้นไม้ทำลายป่า ทำลายหน้าดิน จนทำให้พื้นที่แห้งแล้งเป็นทะเลทราย ดินขาดธาตุอาหารที่สมบูรณ์ โดยถือโอกาสวันที่ 5 ธันวาคม 2565 นี้ ตามที่สหประชาชาติ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้เป็น “วันดินโลก” เพื่อใช้เป็นโอกาสในการขับเคลื่อนกิจกรรมการรณรงค์และเผยแพร่ความรู้ทางด้านดิน และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของดิน ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกต่อมนุษยชาติและสภาพแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ด้วยการช่วยกันน้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่โคก หนอง นา น้อมนำหลักกสิกรรมธรรมชาติ น้อมนำการใช้ชีวิต การบริหารจัดการขยะ การนำขยะเปียกหรือขยะอินทรีย์ มาทำเป็นปุ๋ยหมัก ใบไม้วัชพืช มาห่มดินคลุมดิน หรือมาใส่ถังขยะเปียกลดโลกร้อน เลิกใช้สารเคมี ทั้งปุ๋ยและยาฆ่าแมลง เพื่อให้ผืนธรณีของเรากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง คืนความสมบูรณ์ด้วยหลักธรรมชาติตามหลักทฤษฎีใหม่ ที่ส่งเสริมการเกื้อหนุนในการดูแล ดิน น้ำ ป่า พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ คืนดินดีให้ผืนแผ่นดินไทย สร้างสรรค์ความสมดุลธรรมชาติ และระบบนิเวศที่สมบูรณ์ให้เป็นแผ่นดินทอง
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า พวกเราทุกคน คือ พลังสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อนทำให้ผืนดินทั่วประเทศไทย ที่เป็นแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ได้กลับกลายไปเป็น “แผ่นดินทอง” อีกครั้ง ซึ่งคำว่า แผ่นดินทอง หรือ “สุวรรณภูมิ” นั้นก็ไม่ได้มาจากโชคช่วยแต่หากเกิดจากสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้รักษาจนมาเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรา เราผู้เป็นคนรุ่นหลังก็ต้องใช้กันอย่างรักษา ไม่ทำลายดิน ไม่ทำลายป่า ต้องรู้จักคัดแยกขยะ ขยะรีไซเคิลก็นำไปขาย ขยะอันตรายก็รอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปทำลายให้ถูกวิธี อะไรที่ย่อยสลายได้ ขยะเปียกอินทรีย์ ก็ให้ย่อยสลายโดยธรรมชาติ หรือให้เป็นอาหารสัตว์ ด้วยการทำให้ทุกบ้านเรือนมีถังขยะเปียกลดโลกร้อนครบ 100% ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ อันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลดภาวะโลกร้อน คือ การลดก๊าซไข่เน่า อีกส่วน คือ ช่วยปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็น ระดับไหน ก็มีส่วนช่วยทำให้แผ่นดินร่มเย็น จุลินทรีย์ที่ได้จากการหมักเศษซากขยะเปียก ก็เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มธาตุอาหาร การใช้วัสดุธรรมชาติมาห่มดิน การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ ล้วนแต่มีส่วนช่วยคืนชีวิตให้แผ่นดิน ทุกขั้นตอน ทุกความตั้งใจจะประสบผลได้ดีนั้น ต้องอาศัยความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสมและการลงมือทำซึ่งคนมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญที่จะต้องขยายผลเพื่อร่วมเป็นพลังของภาครัฐ บูรณาการหน่วยงานต่างๆ มาร่วมจัดกิจกรรม เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั่วประเทศ