รมว.ทส. กล่าวถ้อยแถลงแสดงจุดยืนของประเทศไทย บนเวที COP27 ตั้งเป้าหมาย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผลิตกระแสไฟฟ้า ภายในปี ค.ศ. 2050 ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม COP27 ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงแสดงวิสัยทัศน์และความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ต่อที่ประชุมระดับสูงของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP27) ที่ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา 



โดยแสดงจุดยืนของประเทศในการมีส่วนร่วมกับประชาคมโลกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งการปรับปรุงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย และเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ค.ศ. 2030 ให้สอดคล้องกับการยกระดับเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ในทุกสาขา

ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการผลิตรถยนต์ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เป็นร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ. 2050 และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อการดูดกลับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเชิงพาณิชย์ก่อนปี ค.ศ. 2040 การดำเนินการตามแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อ 6.2 ของความตกลงปารีส การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางสำคัญในการกำหนดแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับประชาชน

นอกจากนี้ ยังเน้นการส่งเสริม BCG Economy Model ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลลัพธ์ที่สำคัญของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เพื่อบูรณาการความร่วมมือ และนำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ในช่วงท้าย รมว.ทส. ได้เน้นย้ำว่า เราต้องเริ่มดำเนินการในทุกด้านเดี๋ยวนี้ มากกว่าแค่การพูด เพราะเราเป็นผู้กำหนดอนาคตของเราเอง "การร่วมมือร่วมใจ จะทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้".

...