ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ท่านผู้อ่านที่ติดตามโซเชียลมีเดียต่างๆ คงจะมีโอกาส ได้ชมคลิปการแสดงและการขับร้องเพลงหน้าพระที่นั่งของนักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในพิธีพระราชทานปริญญา บัตรของมหาวิทยาลัยมหิดลกันมาบ้างแล้ว
เพราะเป็นคลิปที่ “ไวรัล” มีการเข้าชมอย่าง กว้างขวางและได้รับการกล่าวขวัญด้วยความชื่นชม เป็นอย่างยิ่งจากพี่น้องชาวไทยที่มีโอกาสได้ดูชมการแสดงชุดดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ 2 คลิปด้วยกัน
คลิปแรกเป็นการแสดงในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดลแก่ผู้สำเร็จการศึกษาปี 2563 ณ หอประชุมสิทธาคาร ศาลายา เป็นเวลา 7 นาทีเศษ โดยมีนักดนตรีชายเป็นผู้บรรเลงพิณอีสาน และนักดนตรีหญิงยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง สีซออู้ คลอเคลียไปด้วย
เพลงที่บรรเลงเป็นเพลงไทยเดิมประยุกต์ในชื่อ “หมอกควันสีจาง” ประพันธ์โดยวง นิศาทิวา ซึ่งเป็นวงของผู้บรรเลงทั้ง 2 ท่าน ที่เป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยดุริยางคศิลป์นั่นเอง
ต้องบอกว่าไพเราะมาก ซาบซึ้งมาก และบรรเลงได้ดีทั้ง 2 ท่าน ซึ่งได้มีการเผยแพร่ในภายหลังว่าฝ่ายชายที่ดีดพิณคือ อาจารย์ ต้นตระกูล แก้วหย่อง และฝ่ายหญิงที่สีซออู้ ได้แก่ อาจารย์ นริศรา ศักดิ์ปัญจโชติ ที่มีชื่อเล่นว่าอาจารย์โยเย
เมื่อบรรเลงเพลง “หมอกควันสีจาง” จบ แล้วก็ต่อด้วยเพลง “สาวนาสั่งแฟน” เพลงลูกทุ่งฮิตมากในอดีตของครู ลพ บุรีรัตน์ ขับร้องโดย พุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งนำมาบรรเลงใหม่ด้วยเครื่องดนตรีเพียง 2 ชิ้นดังกล่าว โดยมีศิลปินรับเชิญ อมรภัทร เสริมทรัพย์ นักร้องนำของวง ASIA 7 เป็นผู้ขับร้อง
ทันทีที่มีการเผยแพร่คลิปนี้ก็ได้รับการตอบสนองจากผู้ชมต่างๆอย่างกว้างขวาง มีการโพสต์แสดงความชื่นชมนักดนตรีและนักร้องยาวเหยียด สรุปเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจมากซาบซึ้งมาก ที่เห็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่ของไทยนำเพลงไทยลูกทุ่งอย่าง “สาวนาสั่งแฟน” มาร้องได้อย่างไพเราะ โดยใช้ดนตรีไทยแท้ๆบรรเลงประกอบ
...
ต่อมาอีกเพียงวันเดียวก็มีคลิปใหม่ออกมาอีก เป็นคลิปจากงานพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดลเช่นกัน แต่เป็นของ พ.ศ.2564 และมีการระบุเวลาไว้ชัดเจนว่า พระราชทานเมื่อ 24 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมานี่เอง
คราวนี้เป็นวงดนตรีเล็กๆ ประกอบด้วย กีตาร์ ขลุ่ย ไวโอลิน และกลองแต๊ก บรรเลงเพลง La Bouree ออกมาก่อนในท่วงทำนองเพลงมาร์ช และเมื่อมาหยุดในส่วนหนึ่งของหอประชุมท่ามกลางบัณฑิตต่างๆแล้วก็เปลี่ยนมาบรรเลงเพลงไทยเดิม “ลาวดวงเดือน” โดยมีการร้อง ประสานเสียงเคลียคลอไปด้วย
เมื่อจบเพลง “ลาวดวงเดือน” แล้วดนตรีก็ขึ้นอินโทรเพลง “น้ำตาแสงไต้” และจากนั้นก็เป็นการขับร้องเพลงอมตะจากละครเวทีและภาพยนตร์ เรื่อง “พันท้ายนรสิงห์” โดยนักร้องระดับรองชนะเลิศจากรายการโกลเด้นซอง “ภูมิ แก้วฟ้าเจริญ” ด้วยลีลาและท่วงทำนองอันซาบซึ้งสะกดบัณฑิตได้ทั้งหอประชุมเช่นกัน
เช่นเดียวกับคลิปแรก...คลิปที่ 2 ของคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการกล่าว ขวัญถึงด้วยความชื่นชมอย่างกึกก้องสนั่นไปทั้งโซเชียลอีกครั้ง
มีการโพสต์แสดงความประทับใจ ซาบซึ้งใจ ขอบคุณที่ยังรักษาความเป็นไทย ไม่ลืมเพลงไทย ฯลฯ ยาวเหยียดไม่แพ้คลิปชุดแรก
การแสดงชุดนี้ควบคุมดูแลโดย ผศ.ธนพล เศตะพราหมณ์ ศิษย์เก่าซึ่งจบปริญญาตรี เกียรติ นิยมอันดับ 1 จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์นี้เอง แล้ว ไปจบโทด้านคุมวงจาก New England Conser vatory of Music ที่ Boston และจบปริญญาเอกด้านควบคุมวงจาก University of Cin cinnati ก่อนที่จะกลับมาเป็นอาจารย์สอนในสถาบันเก่าของท่าน
อ่านประวัติท่านแล้วก็ยิ่งปลื้มไปอีกว่า คนจบโทจบเอกด้านดนตรีจากนอกและสามารถควบคุมวงออเคสตราใหญ่ๆได้ แต่ก็ยังรักและชื่นชมในเพลงไทยเดิมอย่าง “ลาวดวงเดือน” และไทยสากลรุ่นเก่า “น้ำตาแสงไต้” ที่ท่านนำมาให้ลูกศิษย์ของท่านบรรเลงและขับร้องในงานพระราชทานปริญญาบัตรดังกล่าว
ทำให้ทีมงานซอกแซกหวนนึกไปถึงผู้ก่อตั้ง วิทยาลัยดุริยางคศิลป์อันได้แก่ ศ.นพ.ณัฐ ภมรประวัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลในอดีตที่ขอโอน ดร.สุกรี เจริญสุข ซึ่งจบปริญญาเอกด้านดนตรีจากมหาวิทยาลัย Northern Colorado แห่งเมืองกรีลีย์ รัฐโคโลราโด และสอนอยู่ที่สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาให้มาเป็นหัวหน้าโครงการก่อตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดล
ดร.สุกรี เจริญสุข ได้เข้ามาก่อตั้งและพัฒนาจนเกิดวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้น โดยท่านได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการคนแรกของวิทยาลัย และต่อมาเมื่อขึ้นมาเป็นหนึ่งใน “คณะ” ของมหา วิทยาลัยมหิดลโดยสมบูรณ์แล้ว ท่านก็มีโอกาสดำรงตำแหน่งคณบดีอยู่ถึง 2 สมัย ระหว่าง พ.ศ. 2552-2556 และ พ.ศ.2556-2560
นับเป็นวาสนาของหัวหน้าทีมซอกแซกอย่างยิ่ง ที่เป็นเพื่อนกับเสี่ย ระวิ โหลทอง ประธาน สื่อกีฬาสยามสปอร์ต ซึ่งเป็นเพื่อนรักอย่างยิ่งของ อาจารย์สุกรี เจริญสุข (ตั้งแต่เมื่อไรและอย่างไร? ไม่มีใครรู้) ทำให้หัวหน้าทีมมีโอกาสได้เป็นเพื่อน กับอาจารย์สุกรีไปด้วย
จึงขอจบซอกแซกสัปดาห์นี้ด้วยการขอบคุณ ย้อนหลังไปยังท่านอาจารย์ ดร.สุกรี เจริญสุข เพื่อนผมด้วย เพราะถ้าไม่มีท่านก็คงไม่มี 2 คลิป อันประทับใจเผยแพร่อยู่ในโซเชียลวันนี้
ขอบคุณ ดร.สุกรี ขอบคุณ ดร.ธนพล ขอบคุณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตลอดจนน้องๆนักดนตรีและนักร้องทุกคน ในการแสดงหน้าพระที่นั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวันพระราชทานปริญญาบัตรของทั้ง 2 คลิป ต่างปีแต่เผยแพร่ในเวลาใกล้เคียงกัน
ไม่อายเลยที่จะบอกว่า หัวหน้าทีมซอกแซก ดูไปนํ้าตาคลอไปด้วยความซาบซึ้งอย่างหาที่สุด มิได้ เช่นเดียวกับท่านผู้ชมจำนวนมากที่โพสต์ไว้ในโซเชียล...รวมทั้งในขณะนั่งบันทึกคอลัมน์วันนี้ด้วยครับ...ท่านอาจารย์ ดร.สุกรี.
...
“ซูม”