ข่าวดี! นักวิจัยไทยผนึกกำลัง พัฒนาผลิตภัณฑ์ จากสารสกัด เปลือกมะนาวยับยั้งการติดเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจตัวร้าย ทั้ง“โควิด-ไข้หวัดใหญ่-อาร์เอสวี” เป็นครั้งแรกของโลก ทำมาในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก ไร้สารสเตียรอยด์ ใช้ได้ทุกวัน ในราคาที่เอื้อมถึง ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ไทยส่อแววกลับมาเป็นขาขึ้น กรมควบคุมโรคระบุยอดติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งผู้ป่วยใหม่เข้า รพ. ปอดอักเสบ และผู้เสียชีวิต สอดคล้องกับผลการติดตามโรคของ รพ.วิชัยยุทธ ด้าน “หมอธีระวัฒน์” โพสต์ข้อสรุปจาก ส.ว.มะกัน ชี้หลักฐานชัดเจนโควิดไม่ได้มาจากธรรมชาติ อาจเป็นผลจากการศึกษาวิจัยร่วมของสหรัฐฯและสถาบันไวรัสอู่ฮั่น
ที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล เมื่อวันที่ 7 พ.ย. เวลา 09.00 น. รศ.นพ.วีระพงษ์ ภูมิรัตนประพิณ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล พร้อมด้วย รศ.ดร.พรสวรรค์ เหลืองวุฒิวงษ์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี คณะเวชศาสตร์เขตร้อน ดร.วีระวัฒน์ แช่มปรีดา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยเทคโนโลยีไบโอรีไฟเนอรีและชีวภัณฑ์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ดร.สรวง สมานหมู่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Innovation Officer, CINO) บริษัท ควอนตัม ไบโอเทค จำกัด และ ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเฮลท์ลีด จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวสเปรย์พ่นจมูกเบซูโตะ เคลียร์ส (Besuto Qlears) ที่พัฒนาจากสารสกัดของเปลือกมะนาว สารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยยับยั้งและป้องกันเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจ เช่น SARs-COV-2 (COVID-19) ไข้หวัดใหญ่ (H1N1) และ RSV ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก
...
รศ.นพ.วีระพงษ์กล่าวว่า ผลงานนวัตกรรมครั้งนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดโครงการ “การศึกษากระบวนการไบโอรีไฟเนอรีของเปลือกมะนาว เพื่อให้ได้สารลิโมนีนคุณภาพสูง เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสารชีวเคมีภัณฑ์” โดยทำการวิจัยให้สามารถนำเปลือกมะนาวมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยสารสกัดจากเปลือกมะนาวได้รับการทดสอบจากศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) รวมทั้งคณะเวชศาสตร์เขตร้อน ม.มหิดล สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ ม.สงขลานครินทร์ พบว่าช่วยลดการอักเสบในระดับเซลล์ ลดการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัส บรรเทาอาการภูมิแพ้ และมีประสิทธิภาพ การยับยั้งเชื้อไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจ อันได้แก่ SARs-CoV-2 (COVID-19), Influenza A และ Human Coronavirus โดยมีประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อไวรัสมากกว่า 99.9 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งยังมีผลต่อการยับยั้งเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี อย่างมีนัยสำคัญ
ผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูก ภายใต้เครื่องหมาย การค้า เบซูโตะ เคลียร์ส นาเซิล สเปรย์ (Besuto Qlears nasal spray) ได้รับใบจดแจ้งผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ตามใบรับจดแจ้งที่ 65-1-3-2-0000818 เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2565 สามารถปกป้องได้ยาวนาน 3-4 ชม./การพ่น 1 ครั้ง และปราศจากสารสเตียรอยด์ ปลอดภัยใช้ได้ทุกวัน พกพาสะดวก ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น หนึ่งขวดราคา 295 บาท พ่นได้มากกว่า 200 ครั้ง พร้อมจำหน่ายในประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ วันเดียวกัน เว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงาน สถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 30 ต.ค. ถึงวันที่ 5 พ.ย.2565 มีผู้ป่วยรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาลรวม 2,759 คน เฉลี่ยวันละ 394 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 333 คน ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 169 คน ผู้เสียชีวิต 40 คน เฉลี่ยวันละ 5 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเล็กน้อยทุกยอด
ขณะที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ด้านโรคระบบทางเดินหายใจ รพ.วิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ว่า ในช่วงเดือน ต.ค.2565 ข้อมูลของโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ที่ติดตามโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการตรวจทั้ง ATK และ RT-PCR จำนวน 986 คน อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง สูงกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่และ RSV ซึ่งกำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ที่น่าเป็นห่วงนอกจากจำนวนคนติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเห็นคนที่ไม่ใช่คนสูงอายุ ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง 608 แต่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนเชื้อตายเพียง 1 เข็ม เมื่อติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงแม้จะได้รับยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ครบโดสก็ตาม ยังเกิดปอดอักเสบ ต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามด้วยเข็มกระตุ้น เวลาติดเชื้อไวรัสโควิดอาการจะน้อยไม่หนักมาก
นพ.มนูญระบุอีกว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิดสามารถลดความรุนแรงของโรคได้จริง ขอให้ทุกคนไปรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดอย่างน้อย 3 เข็ม ตามด้วยเข็มกระตุ้นเพิ่มอีก 1 เข็ม 4 เดือนหลังเข็มสุดท้าย โดยเฉพาะคนที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสโควิดตามธรรมชาติและทุกคนควรไปรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง
ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กชื่อธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า มีโควิดจริง นานหลายเดือนก่อนธันวาคม 2019 หลักฐานการเกิดโควิด ตั้งแต่กันยายน 2019 ในอิตาลี จากการตรวจเลือดแอนติบอดี ต่อ RBD ที่เฉพาะเจาะจงกับโควิด รวมทั้งการพบชิ้นส่วนพันธุกรรมของไวรัสโควิดในสิ่งแวดล้อมที่อิตาลี ปลายปี 2019 ฟังง่ายๆ สรุปจาก Dr John Campbell https://youtu.be/XzPophi-9MY และแท้จริง มาจากไหน ที่ไม่เหมือนการวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ไม่พบตัวกลาง และรหัสพันธุกรรมเหมือนกันตั้งแต่ต้น
...
รายงานจากวุฒิสภาอเมริกัน หลักฐานชัดเจนไม่ได้มาจากธรรมชาติ https://www.help.senate.gov/imo/media/doc/report_an_analysis_of_the_origins_of_covid-19_102722.pdf ข้อสรุปจากวุฒิสภาของสหรัฐฯคล้ายคลึง Lancet commission ที่ตีพิมพ์ เปิดเผยทั่วไป ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 14 กันยายน ที่น่าจะมีต้นตอจาก หรือเกี่ยวข้องกับการศึกษาทดลองวิจัยในห้องปฏิบัติการ และโควิดอาจเป็นผลจากการศึกษาวิจัยร่วมของสหรัฐฯ และสถาบันไวรัสอู่ฮั่น https:// www.thelancet.com/commissions/covid19