GSK จับมือ มหิดล และ depa เดินหน้าสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อคิดค้นยานวัตกรรม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับสากล

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในงานสัมมนา “AI in Drug Discovery, Ahead Together for Future Healthcare” การใช้เทคโนโลยี AI ในการคิดค้นยานวัตกรรม เพื่อก้าวนำหน้ามุ่งสู่อนาคตในการดูแลสุขภาพที่ดีด้วยกัน จัดโดย บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น จำกัด หรือ GSK ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อแลกเปลี่ยนและส่งต่อองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเภสัชกรรมของไทย สร้างเสริมศักยภาพประเทศในระดับสากล โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และเทคโนโลยีด้านสุขภาพ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ร่วมแลกเปลี่ยน

ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว.ให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงมุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม ตลอดจนการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เพื่อให้ประเทศมีความสามารถในการแข่งขันและมีความก้าวหน้าทัดเทียมกับประเทศอื่น อว. ให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานในการนำเทคโนโลยี AI และเทคโนโลยีด้านสุขภาพมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดเชิงรุกในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตยาและวัคซีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว สนับสนุนนโยบายการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) พร้อมตอบโจทย์การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของประเทศไทยในยุคไทยแลนด์ 4.0

นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด (GSK) กล่าวว่า GSK ในฐานะผู้มุ่งมั่นพัฒนาด้านชีวเภสัช (Biopharma) และผู้นำในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการพัฒนาและคิดค้นยานวัตกรรม มุ่งหวังให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนายานวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับสากล การจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนและส่งต่อองค์ความรู้การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนายานวัตกรรม และผลักดันโครงการด้านเทคโนโลยี AI ในประเทศให้มีความก้าวหน้า ซึ่งเทคโนโลยี AI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการคิดค้นยาและวัคซีนนวัตกรรม และเป็นหนึ่งในพื้นฐานนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ (S-Curve) ของประเทศไทย สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมของประเทศ โดย GSK พร้อมสนับสนุนภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนโครงการด้านเทคโนโลยี AI เพื่อสุขภาพอย่างเต็มที่ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาผนวกกับความสามารถของบุคลากรและเทคโนโลยี เพื่อให้ก้าวนำการป้องกันโรคภัยต่าง ๆ

ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลมุ่งมั่นในการผลิตมหาบัณฑิตที่มีศักยภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ควบคู่กับการมีบทบาทในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยและสังคมโลก มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญต่อการนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในด้านการแพทย์และสุขภาพในทุกสาขา โดยมีความก้าวหน้าของการดำเนินงานของสถาบันปัญญาประดิษฐ์มหิดล ซึ่งมีโครงการวิจัยแบบบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยภายในประเทศ และมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศอีกหลายแห่ง ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญในการใช้ AI เพื่อตรวจและวินิจฉัยโรค และกำลังศึกษาพัฒนาการนำ AI มาใช้ในการคิดค้นและผลิตยานวัตกรรม ด้วยระบบ AI จะทำให้การผลิตยาด้วยความแม่นยำและลดระยะเวลาในการวิจัยและพัฒนา ส่งผลต่อการพัฒนาวงการแพทย์และยารักษาโรคให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ภายในงานสัมมนา ดร.คิม แบรนสัน Senior Vice President and Global Head of Artificial Intelligence and Machine Learning, GSK ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI ของ GSK ได้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยี AI ในการคิดค้นยา พร้อมด้วย รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDI) พร้อมด้วยนักวิชาการไทย โดย ผศ.ภก.ดร.จตุรงค์ ประเทืองเดชกุล คณะเภสัชศาสตร์ ผศ.ดร.พรชัย บำรุงศรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ดร.ทิพาจินต์ ไทยพิสุทธิกุล คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล และ ภก.ดร.ณฐพล พรพุทธพงศ์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การขับเคลื่อนด้าน Digital Health Tech ของประเทศไทย

#PRNews