หนังสือชื่อ “จิตวิญญาณแม่มด” (บริษัทโรงพิมพ์เดือนตุลา พ.ศ.2565 เคล็ดไทยจัดจำหน่าย) เล่มล่าของนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว ผมอ่านแล้ว ทั้งเรื่องแม่มดไทย แม่มดแขก แม่มดฝรั่ง กระทั่งไปถึงแม่มดยุคหิน

จากที่เคยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เอนเอียงไปทางเชื่ออีกหน่อย

มาถึงเรื่องใกล้ตัว “ยาผีบอก” คนโบราณเชื่อและใช้กันต่อเนื่องยาวนาน กระบวนการยาผีบอกขนานหมอเอียด (ชื่อเล่นนิพัทธ์พร)เป็นเช่นไร ลองอ่านกันดู

นิพัทธ์พร เกริ่นว่า ตั้งแต่เล็กๆอายุ 4-5 ขวบ อยู่บ้านพักวิทยาลัยครูมหาสารคาม หรือที่บ้านพักในวิทยาลัยครูเพชรบุรี วิ่งเล่นสะดุดล้มเกิดแผล ก็มักวิ่งไปเก็บ “ใบยา”

รู้จักต้นแต่ไม่รู้จักชื่อ แล้วก็จำไม่ได้ว่าใครสอน มาบี้ขยำโปะแผล หยุดเลือดได้ แผลไม่เป็นหนอง

จนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ลงพื้นที่เก็บยาสมุนไพรกับ “พี่ต้อม” ภก.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ผู้บุกเบิกตำรับยาสมุนไพรอภัยภูเบศร จึงได้รับรู้ว่า “ใบยา” ที่เคยใช้คือ “ใบสาบเสือ” ของคนภาคกลาง หรือ “หญ้าเมืองฮาม” ตามภาษาไทใหญ่

พ่อดิฉัน (อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว) ป่วยเป็นไตวายเรื้อรังสิบกว่าปีเข้าโรงพยาบาลฟอกไตทุกจันทร์ พุธ ศุกร์ ต่อเนื่องเจ็ดปี ปีนี้พ่ออายุ 81 หน้าพ่อขาวผ่องใส เรี่ยวแรงดี ตอกตะปู เลื่อยไม้ ทำโต๊ะเก้าอี้เล็กๆให้ลูกใช้

สายหน่อย กินข้าวเช้าแล้ว เปิดโน้ตบุ๊กดูราคาหุ้น สนุกเบิกบานอยู่ทุกวัน

เหตุที่ร่างกายพ่อยังดูดี นิพัทธ์พรเล่าไม่ปิดบังอำพราง พ่อกิน “ยาผีบอก” ขนานหลวงปู่คุณพระปลัดยม ที่ลงทรงในเขตเมืองพิจิตร บอกผ่านพี่เดชา ศิริภัทร (ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ) มาอีกที

ส่วนผสมยามี ดอกบานไม่รู้โรยขาว 9 ดอก รากมะละกอตัวผู้ยาว 2 คืบคนป่วยหั่นฝอย รากหญ้าคา 7 รากหั่นฝอย เหง้าสับปะรดยาว 1 คืบคนป่วยหั่นฝอย และสารส้มบดละเอียดใช้ 3 นิ้วหยิบขึ้นมานิดหนึ่ง

...

นำทั้งหมดมารวมกันใส่หม้อต้มน้ำเดือด จากน้ำ 4 ส่วนให้เหลือ 3 ส่วน เอาน้ำยาหม้อมาแบ่งครึ่งได้ 2 แก้ว กินตอนบ่าย ท้องว่างวันละแก้ว สองวันติดต่อกัน

ส่วนยาที่เหลือใส่น้ำให้ท่วมต้มต่ออีกครั้ง จนน้ำเดือดระเหยเหลือเป็นยาน้ำ 1 แก้ว แช่ตู้เย็นเก็บไว้กินวันที่ 3

จากนั้นเว้นไป 1 อาทิตย์ แล้วค่อยต้มให้พ่อกินใหม่

ต้องทำเช่นนี้ตลอด ควบคู่กับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน

อ่านถึงตรงนี้อาจจะคิดว่า เชื่อผีบอกง่ายเกินไป นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว จบปริญญาโท เป็นอาจารย์สอนหลายมหาวิทยาลัย เขียนหนังสือนับไม่ถ้วน ได้รางวัลหลายเล่ม เธอสารภาพ ได้ตำรับยามาแล้ว ก็ไม่กล้าต้มให้พ่อกิน

ทั้งๆที่มีความเชื่อหมอไทยรุ่นโบราณมาแต่ดั้งแต่เดิมว่า ป่วยตรงไหน ยาจะอยู่ตรงนั้น

ถามหมอต้อม “เจ้าตำรับสมุนไพรอภัยภูเบศร” ได้ความว่ายาผีบอกขนานนั้นดีมาก มีสารส้มช่วยเบรกพิษจากสมุนไพรบางตัว ต้มให้พ่อกินได้ ไม่มีอันตราย แต่เมื่อพ่อกินแล้ว ดูพะอืดพะอม ทำท่าจะอ้วก

ปัญหานี้ นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว หาทางออกด้วยการอธิษฐานจิตขอนิมิต

คืนนั้น ก็ฝันเห็นแม่น้ำไหลเชี่ยว มีสะพานไม้โย้เย้พาดผ่าน “ดิฉันเดินเกาะราวสะพานไปหน้า พ่อคลานตามหลัง จนไปเข้าบ้านร้าง มีหม้อข้าวเตาไฟ ออกจากบ้านถึงแปลงดอกไม้ ดอกที่กำลังตูมผลิบานสะพรั่งไปทั้งสวน”

ความฝันนี้ ถือนิมิตดี เทวดามาบอก ตื่นขึ้นมาพ่อหน้ายิ้มแจ่ม บอกเมื่อคืนสบายตัวมาก “กินยากันต่อเนอะลูก”

นอกจากได้ตำรับจากผีบอก นิพัทธ์พรเล่าว่า ตัวเธอยังกินยาสมุนไพรที่ได้มาจาก “เสียงบอก” เสียงที่ได้ยินนี้มาเอง เธอได้ยินว่า ให้กินผักกระสังวันละ 10 ยอดทุกวัน

เช็กสรรพคุณ ผักกระสังเป็นพืชธาตุเย็น รักษาอาการคลื่นไฟฟ้าในสมอง “โรคนี้ ดิฉันเป็นอยู่แล้ว 2-3 ปี”

จบเรื่องยาผีบอก “นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว” เขียนเรื่อง “มนตรารักษาไข้” ใครจะเชื่อไม่เชื่อแค่ไหน...ผมแนะให้ไปหาหนังสืออ่านทดสอบสติปัญญากันเอง งานหนังสือศูนย์สิริกิติ์น่าจะมี.

กิเลน ประลองเชิง