Solar D (โซลาร์ ดี) ได้ร่วมป็นส่วนหนึ่งในงานมหกรรมพลังงานแห่งอนาคต SETA 2022 เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการนำนวัตกรรม Flagship อย่าง “Tesla Powerwall” สมาร์ทโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์และการกักเก็บพลังงานที่ตอบรับเมกะเทรนด์ Power Decentralization ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงพลังงานที่ยั่งยืนพร้อมสัมผัสประสบการณ์ “อิสรภาพทางพลังงาน” ในไทยได้ก่อนใคร มาจัดแสดง โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20-22 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 20,000 คน และผู้ร่วมแสดงนิทรรศการ ผู้เข้าร่วมประชุมเชิงวิชาการมากกว่า 350 บริษัท จาก 70 กว่าประเทศทั่วโลก ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

Power Decentralization คืออะไร แล้วทำไมเราควรให้ความสนใจเมกะเทรนด์นี้?

นายสัมฤทธิ์ สิทธิวรานุวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลาร์ ดี คอร์ปอร์เรชัน จำกัด ได้รับเกียรติขึ้นพูดบนเวทีเสวนา Solar and Storage ในหัวข้อ “Tesla Powerwall จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายสู่อิสรภาพทางพลังงาน” ด้วยเนื้อหาที่ว่า “โดยปกติแล้ว ไฟฟ้าแบบที่เราใช้กันในครัวเรือนมาจากการผลิตแบบรวมศูนย์ (Centralization) กล่าวคือเป็นไฟฟ้าที่มาจากผู้ผลิตที่รับหน้าที่กระจายพลังงานไปยังผู้ใช้บริการที่ต่างๆ และรับค่าตอบแทนในการดูแลระบบเหมือนพ่อดูแลลูก การผลิตไฟฟ้าลักษณะนี้นอกจากจะมีความไม่แน่นอนเรื่องค่าใช้จ่ายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง ยังมีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เนื่องจากรูปแบบการผลิตต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ การเผาถ่านหิน และแปรรูปพลังงานธรรมชาติอื่นๆ ด้วยระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทว่า Power Decentralization หรือ การผลิตและจัดการพลังงานแบบกระจายอำนาจ นั้นต่างออกไป จะทำให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ “การผลิตและใช้พลังงานอย่างอิสระ” ลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าแบบรวมศูนย์ที่มีข้อจำกัดดังที่กล่าวไป เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับเมกะเทรนด์ที่มุ่งเน้นการกระจายอำนาจออกจากศูนย์กลางไปสู่มือทุกคน อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการแข่งขันให้ประชาชน นำสู่ความยั่งยืนทั้งด้านพลังงานและเศรษฐกิจ”

Duck Curve ศัตรูตัวร้ายของการผลิตพลังงานแบบกระจายอำนาจ

การผลิตพลังงานแบบกระจายอำนาจก็มีข้อสังเกตให้เห็น ในช่วงหลายปีมานี้ระบบโซลาร์เซลล์สำหรับครัวเรือนมีต้นทุนที่ถูกลง ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และอย่างที่เราทราบกันดีว่าระบบโซลาร์เซลล์นั้นสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉพาะเวลากลางวัน ทำให้ในช่วงที่ยังมีแสงอาทิตย์อยู่นั้นมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากส่วนกลางต่ำ ทว่าเมื่อแสงหมด หรือเข้าสู่ช่วงกลางคืน ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากศูนย์กลางของแต่ละบ้านเรือนจะพุ่งสูง ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพการผลิตไฟฟ้า ให้โรงงานต้องเร่งกระบวนการผลิตมหาศาลในช่วงเย็นถึงหัวค่ำ ทำให้กราฟการใช้ไฟฟ้าที่เคยเป็นรูปแอ่งจะโค้งนูนขึ้นอย่างรวดเร็วคล้ายคอและหลังเป็ด เราจึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Duck Curve

Tesla Powerwall สมาร์ทโซลูชันที่จะเติมเต็มประสบการณ์ ‘อิสรภาพทางพลังงาน’ ให้กับทุกคนได้อย่างครบวงจร

นายสัมฤทธิ์ ก็ได้กล่าวถึง Tesla Powerwall ทางเลือกแห่งอนาคตเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานแห่งโลกยุคใหม่ว่า “ด้วยประสบการณ์ความเป็นผู้นำด้านพลังงานแสงอาทิตย์มากว่า 9 ปี Solar D ยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าภารกิจที่จะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ลืมที่จะคำนึงถึงผลกระทบอื่นๆ ด้วย เราได้ทำความร่วมมือกับ Tesla ผู้นำด้านเทคโนโลยีชื่อดัง เพื่อนำเสนอ ‘Tesla Powerwall’ สมาร์ทโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์และการกักเก็บพลังงานจะทำให้ทุกครัวเรือนสามารถผลิตและจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินไว้ใช้ในช่วงเวลาที่ต้องการได้ทุกเวลา

อีกทั้ง Tesla Powerwall ยังมีส่วนช่วยลดปัญหาการเกิด Duck Curve ในระบบไฟฟ้าส่วนกลางได้อีกด้วย เพราะหลักการทำงานของโซลูชันนี้คือ ในช่วงเวลากลางคืนที่ระบบโซลาร์เซลล์ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าต่อได้ Tesla Powerwall จะดึงพลังงานส่วนเกินที่กักเก็บไว้จากช่วงกลางวันมาแจกจ่ายเป็นกระแสไฟฟ้าไปทั่วทั้งบ้าน ทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพิงพลังงานส่วนกลางลดลงไปอีกขั้น ช่วยปรับเปลี่ยนสถานะจากผู้ใช้งานเป็นผู้ผลิตไฟฟ้า ลดการพึ่งพิงพลังงานไฟฟ้าจากส่วนกลาง พร้อมสัมผัส “อิสรภาพทางพลังงาน” ได้อย่างเต็มรูปแบบ”

“หากแนวคิดเรื่อง Decentralization ได้รับความนิยมในวงกว้าง สิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดมาคือ Virtual powerplant (โรงไฟฟ้าเสมือนที่กระจายตัวไปตามครัวเรือนต่างๆ) เป็นการเปลี่ยนจากสถานะผู้ใช้ให้กลายเป็นผู้ผลิตอย่างอิสระเอง นอกจากช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ก็จะทำให้มีอิสรภาพจากการพึ่งพาระบบมากขึ้น และเรายังสามารถกลับไปช่วยเพิ่มเสถียรภาพ รวมไปถึงกอบกู้ระบบในช่วงเวลาวิกฤติได้อีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่ส่งเสริมความเข้มแข็งของบุคคล ทำให้ปัจเจกบุคคลอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะการผลิตพลังงานใช้เองไม่ใช่เพียงแค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือการสร้างอิสระในการใช้พลังงานที่มั่นคงให้แก่คุณด้วย” นายสัมฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

Tesla Powerwall โดดเด่นด้วยระบบ AC Coupling แบบ All in single unit ที่มาพร้อมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าหรืออินเวอร์เตอร์ภายในตัว ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดตั้งร่วมกับระบบโครงข่ายไฟฟ้า และรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบไร้สายเพื่อใช้งานฟังก์ชันใหม่ๆ ในอนาคต อีกทั้งโดดเด่นด้วยดีไซน์อันเรียบง่าย สวยงาม ทันสมัย กลมกลืนไปกับการแต่งบ้านทุกรูปแบบ โดยมาพร้อมความจุ 13.5 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการเปิดเครื่องปรับอากาศขนาด 24,000 บีทียู ได้นาน 10 ชั่วโมงหรือยาวต่อเนื่องไม่จำกัดหากใช้ร่วมกับระบบโซลาร์รูฟท็อป

สัมผัสประสบการณ์ “อิสรภาพทางพลังงาน” ก่อนใครในไทยที่ https://www.solar-d.co.th/