นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือจีไอที เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวพบมุกในหอยต่างๆ เช่น หอยแมลงภู่ หอยหวาน และหอยเชอรี่ แล้วระบุว่าเป็นมุกเมโลที่หายากที่สุดและราคาแพงที่สุด ว่า มุกเมโลเป็นมุกที่เกิดขึ้นในหอยเมโล หรือที่เรียกกันว่าหอยสังข์ทะนาน หรือหอยโข่งทะเลเท่านั้น ถ้าเกิดในหอยชนิดอื่นๆ ก็เป็นมุกแท้ แต่ไม่ใช่มุกเมโลแน่นอน โดยปกติมุกเกิดขึ้นได้ในธรรมชาติอยู่แล้ว หากมีเศษทรายเล็กๆ หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวของหอย และเกิดการระคายเคือง หอยจะหลั่งสารประกอบคาร์บอเนตมาล้อมรอบสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้ จนค่อยๆก่อตัวกลายเป็นมุก ดังนั้น กระแสข่าวดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ใช่มุกเมโล แม้จะเป็นมุกจริงก็ตาม

ดังนั้น ผู้ที่ครอบครองมุกสามารถส่งมาตรวจสอบได้ที่สถาบันว่าเป็นมุกแท้หรือไม่ และหากเป็นมุกเมโลจริง จะมีการระบุไว้ในใบรับรองว่าเป็น “Melo Pearl” แต่ถ้าเป็นมุกที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จะระบุไว้ในใบรับรองว่า “Natural Pearl”
ทั้งนี้ ปัจจุบันมุกเมโลยังไม่สามารถเพาะเลี้ยงโดยมนุษย์ได้ จะต้องเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น ทำให้ไข่มุกเมโลหายาก มีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักสะสมมุกเมโลที่มีราคาสูง จะต้องมีขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 10 มิลลิเมตรขึ้นไป รูปร่างกลม สีส้มสดใส ผิวมันวาว และมีริ้วเปลวไฟบนผิวที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมุกเมโล มีลักษณะเหมือนกับริ้วของเปลวไฟ เป็นคลื่นไปทั่วพื้นผิวของไข่มุก ซึ่งยิ่งถ้ามีเปลวไฟที่เข้มและชัดเจนมากเท่าไร มุกเมโลก็จะมียิ่งมีค่าและมีราคาสูงมากขึ้น ส่วนสีของมุกเมโล มีตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีส้ม ไปจนถึงสีส้มเข้มจนน้ำตาล แต่สีที่ดีที่สุดและสีที่มีมูลค่ามากที่สุดคือ สีส้ม และด้วยความหายากของมุกชนิดนี้จึงไม่มีมาตรฐานในการประเมินราคามุกเมโล การตั้งราคาขึ้นอยู่กับบุคคลผู้ครอบครองมุกเม็ดนั้นๆ

...

“ผู้ที่ครอบครองมุก หากต้องการตรวจสอบว่าเป็นมุกแท้หรือไม่ หรือเป็นมุกชนิดใด นำมา ตรวจสอบที่จีไอที ซึ่งเป็นสถาบันหลักแห่งชาติในการตรวจสอบและออกใบรับรองอัญมณีและโลหะมีค่า มีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับสากล หรือติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเบื้องต้นได้”.