นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2565 ได้มีมติ ตามที่ ทส.เสนอเพื่อแก้ปัญหาสำนักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าไม้โดยยกเว้นค่าปลูกป่าทดแทนให้กับโครงการเพื่อสร้างศาสนสถานและสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา สำหรับกรณีของวัดหรือสำนักสงฆ์ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้ยื่นขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนฯ ตามระเบียบคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การขออนุญาตและการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนฯ พ.ศ.2565 หมวด 1 การขออนุญาต ข้อ 6(2) และหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตต้องเป็นไปตาม หมวด 2 หลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไขข้อ 12 ส่วนกรณีวัดหรือสำนักสงฆ์ที่อยู่ในเขตป่า ตามมาตรา 4 (1) แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ให้ดำเนินการขออนุญาตตามกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ.2558 ทั้งนี้ วัดหรือสำนักสงฆ์จะต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ระดับจังหวัดที่มีมติให้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อประกอบการพิจารณา

อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวต่อว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ เพื่อการสร้างวัดตามมติ ครม.วันที่ 23 มิ.ย.2563 และมติ ครม.วันที่ 11 พ.ค.2564 ทั้งหมด 10,730 คำขอ ซึ่งวัดและสำนักสงฆ์ยังไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าระดับจังหวัดที่มีมติให้ขออนุญาตสร้างวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้ประชุมกับกรมอุทยานฯ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มีมติให้ยึดแนวทางตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2538 และให้คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ระดับจังหวัดตามคำสั่งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ที่ 1/2552 พิจารณาจำแนกที่พักสงฆ์ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตามหลักการในการจำแนกที่พักสงฆ์ในเขตพื้นที่ป่าไม้และแนวทางแก้ไขปัญหาตามมติคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ครั้งที่ 2/2540 เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2540 เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้เพื่อการสร้างวัดและเห็นควรหารือ พศ.ก่อนแจ้งจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท้องที่ 1-13 และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขาต่อไป.

...