ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดมหกรรมจัดการความรู้จากบทเรียนโควิด-19 และการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2565 “การพัฒนาระบบสุขภาพที่ยั่งยืน หลังวิกฤตการณ์โควิด-19” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติโรคโควิด-19 มาเกือบ 3 ปี ส่งผลกระทบทั้งต่อระบบสาธารณสุขสังคม และเศรษฐกิจ แต่จากการบริหารจัดการแบบบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคจากทุกภาคส่วน และการมารับวัคซีนของประชาชน ช่วยให้ประชาชนจำนวนมากมีภูมิคุ้มกัน ขณะที่เชื้อมีความรุนแรงลดลง จึงทำให้สถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สามารถเปิดประเทศ ดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 โรคโควิด- 19 จะถูกปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง การถอดบทเรียนจากโรคโควิด-19 จึงช่วยเตรียมการรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและโรคติดต่ออุบัติใหม่อื่นๆในอนาคต

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ระบบสาธารณสุขไทยมีความเข้มแข็งมั่นคงด้วยรากฐานที่มีอยู่ เมื่อโรคโควิด-19 มาก็เสริมให้ระบบมีความพร้อมมากขึ้น และต้องทุ่มเทรักษาสุขภาพประชาชน ขณะเดียวกันโรงพยาบาล (รพ.) สามารถแก้ปัญหาเงินบำรุง รพ. โดยพบว่าเงินบำรุง รพ.เป็นบวก ภาพรวมมีเงินจากเดิม 3 หมื่นล้านบาทเฉพาะ รพ.ขนาดใหญ่ ก็มีเพิ่มเป็นเกือบ 1 แสนล้านบาท ซึ่งตนได้ให้นโยบายชัดเจนว่า ขอให้ รพ.นำเงินก้อนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำไปพัฒนาสุขภาพประชาชน พัฒนาศักยภาพบุคลากร จะได้ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ถ้าใช้อยู่ในประเทศ ไทยก็เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น.