ขณะที่โลกเรามีอาหารเหลือทิ้งเกินกว่าหนึ่งในสามของที่ผลิตได้ แต่ในอีกมุม โลกก็ยังมีผู้ยากไร้ที่ต้องทุกข์ทรมานจากความอดอยากจำนวนมหาศาลเช่นเดียวกัน และเพื่อจะเชื่อมโยงระหว่างอาหารที่เกินความจำเป็นไปสู่ผู้ด้อยโอกาส จึงเกิดเป็นพันธกิจที่หลายฝ่ายต่างรวมพลัง และหนึ่งในแนวทางที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือโครงการ “ธนาคารอาหาร” ที่ล่าสุดทางด้าน “โลตัส” และ “มูลนิธิ SOS” ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ มุ่งยกระดับภารกิจช่วยเหลือผู้ขาดแคลนให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“ธนาคารอาหาร” คือระบบจัดการอาหารส่วนเกินที่จะช่วยทำให้กระบวนการส่งต่อ Food Waste มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการนำเอาอาหารที่ได้รับมาจัดเก็บอย่างเป็นระบบ ภายในโกดังที่สะอาด ปลอดภัย เพื่อยืดอายุอาหาร คงคุณค่าทางโภชนาการ ให้สามารถส่งต่อไปสู่ผู้ที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น และด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว โลตัส จึงเดินหน้าสานความร่วมมือกับมูลนิธิ SOS ลงนามมอบพื้นที่ส่วนหนึ่งในสาขา โลตัส บ้านฟ้า ลำลูกกา ให้มูลนิธิ SOS ใช้เป็นโกดังธนาคารอาหาร ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดโครงการ “กินได้ไม่ทิ้งกัน” ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 และยังเป็นการหนุนภารกิจของทั้งสององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกมิติ
หากย้อนไปในปี พ.ศ.2560 โลตัสนับเป็นห้างค้าปลีกลำดับต้นๆ ที่ริเริ่มนโยบายจัดการอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้ภายใต้ชื่อโครงการกินได้ไม่ทิ้งกัน โดยการนำไปบริจาคแก่ผู้ยากไร้แทนที่จะทิ้งให้กลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีการวางแผนจัดการอย่างเป็นระบบร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารส่วนเกินจะลดน้อยลง สู่เป้าหมายขยะอาหารเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2573
ปัจจุบันโลตัสบริจาคอาหารไปแล้วกว่า 2.8 ล้านมื้อ ซึ่งการร่วมมือกับมูลนิธิ SOS ขับเคลื่อนธนาคารอาหารในครั้งนี้ จะยิ่งช่วยขยายขีดความสามารถให้มีศูนย์จัดเก็บอาหารบริจาคในปริมาณมากขึ้น พร้อมตู้ควบคุมอุณหภูมิที่สามารถจัดเก็บอาหารสดและอาหารแห้งได้ยาวนานขึ้น ถูกสุขอนามัยและคงคุณค่าทางโภชนาที่ดีไว้ได้ เพื่อเป็นศูนย์เก็บและกระจายอาหารบริจาคให้ผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ลำลูกกาและบริเวณใกล้เคียง และผลลัพธ์จากการส่งเสริมกันและกันของทั้งสององค์กรก็จะแปรเปลี่ยนเป็นมื้ออาหารที่ช่วยประคับประคองสังคมไทยให้ก้าวต่อไปด้วยกันอย่างแข็งแกร่ง และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง