กรุงเทพฯ-ปริมณฑลอ่วมฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว “ชัชชาติ” สั่ง 6 รองปลัด กทม.คุมโซนรับมือ โต้ดราม่าลุยน้ำเข็นรถ ชี้เป็นการทำงานสไตล์ใครสไตล์มัน ยันตั้งแต่ลงพื้นที่ไม่เคยโดนประชาชนด่า ด้านเทศบาลนครรังสิตปรับธงแดงเตือนภัยวิกฤติน้ำคลองรังสิตล้นตลิ่ง ถนนแจ้งวัฒนะท่วมซ้ำซาก รถติดยาวเหยียด ส่วนสระแก้วฝนกระหน่ำเกือบทั้งคืนท่วมถนนครึ่งเมตร พ่อเมืองสิงห์บุรีตรวจ 7 จุดเสี่ยงเจ้าพระยาล้นตลิ่ง อ่างทองฝ้าเพดานโรงพยาบาลรับน้ำฝนไม่ไหวพังถล่มน้ำนองพื้น
กรุงเทพฯและปริมณฑลเจอฝนถล่ม ทำให้น้ำระบายไม่ทันท่วมหลายพื้นที่ ส่งผลให้การจราจรติดวินาศสันตะโร ขณะที่หลายจังหวัดยังเผชิญกับอุทกภัยหลังเกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากทะลักท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส
ฝนถล่มกรุงน้ำท่วมหลายจุด
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯตั้งแต่เวลา 12.00 น. เกิดฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง อ.ปากเกร็ด เมืองนนทบุรี อ.เมืองปทุมธานี ต่อเนื่องเขตดอนเมือง หลักสี่สายไหมบางเขน คลองสามวา จตุจักร บางซื่อ บางพลัด ลาดพร้าว หนองจอก ลาดกระบังห้วยขวาง ดินแดง วังทองหลาง คันนายาว บึงกุ่ม บางกะปิ ตลิ่งชัน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองสาน ธนบุรี พระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์ ปทุมวัน ราชเทวี พญาไท บางขุนเทียน ทุ่งครุ และแนวริมแม่น้ำทั้งสองฝั่ง ปริมาณฝนสูงสุดเขตหลักสี่ 77 มม. ส่งผลมีน้ำท่วมขัง 4 จุด ได้แก่ หน้าศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะขาออก เขตหลักสี่ 2.หน้าห้างโลตัส ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้า เขตหลักสี่ 3.หน้ามณฑลทหารบกที่ 11 ถนนแจ้งวัฒนะขาออก เขตหลักสี่ และ 4.หน้าหมอชิตใหม่ ถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร
...
กทม.แถลงยกระดับรับมือ
ที่ศาลาว่าการ กทม. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. แถลงสถานการณ์ฝนตกในกรุงเทพฯว่า กทม.ยกระดับเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝนตกหนัก ทั้งการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ด้านการจราจร ด้านการขนส่งคน และการแจ้งเตือน จะประสาน จส.100 และ สวพ. 91 แจ้งเตือนประชาชนพื้นที่ฝนตกและน้ำท่วมขังให้วางแผนการเดินทางล่วงหน้าด้วย พร้อมเร่งระบายน้ำในคลองสายหลักออกแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเต็มที่โดยเร็ว เพราะแนวคันกั้นน้ำริมเจ้าพระยา สูง 3 เมตร ปัจจุบันมีความสูงอยู่ที่ 2.04 เมตร ต้องใช้เวลาในการระบาย เพราะขณะนี้น้ำในคลองสายหลักเพิ่มเยอะขึ้น มีโอกาสน้ำล้นตลิ่ง อย่างไรก็ตาม เรดาร์ กทม.จับกลุ่มฝนและแจ้งเตือนล่วงหน้าเท่านั้น สิ่งที่เป็นจุดอ่อนคือการคาดการณ์ปริมาณฝนตกเฉพาะเจาะจงพื้นที่ไม่ได้ ทำให้เตรียมความพร้อมได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
“ชัชชาติ” สั่ง 6 รองปลัดคุมโซน
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า เมื่อคืนวันที่ 7 ก.ย. มีฝนตกหนักในพื้นที่เขตลาดกระบัง 130 มม. ถือว่ายังโชคดีที่ฝนไม่ได้ตกเขตบางเขน ยืนยันว่าปริมาณฝนตกหนักไม่ได้มีในรอบ 140 ปี แต่เป็นคาบอุบัติซ้ำ (Return Period) จะเกิดขึ้นในรอบ 20 ปี ปัจจุบันน้ำเหนือปล่อยมาเยอะขึ้น เมื่อเช้าน่าจะประมาณ 1,850 ลบ.ม.ต่อวินาที ยังไม่เยอะเท่าช่วงวิกฤติ แต่น้ำในคลองยังเต็มอยู่ ประกอบกับน้ำทะเลหนุนในวันที่ 7-10 ก.ย.นี้ เป็น 4 ผสาน อาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ดังนั้น ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือ พร้อมประสานงานกรมชลประทานขอเครื่องสูบน้ำ 21 เครื่องจะเร่งติดตั้งต่อไป นอกจากนี้มอบหมายให้รองปลัด กทม. ทั้ง 6 คนเป็นผู้บัญชาการเหตุใน 6 กลุ่มโซน มิติไม่ได้มีเพียงเรื่องระบายน้ำเท่านั้น แต่ยังมีการเข้าให้ความช่วยเหลือกับประชาชนด้วย ในแง่ของรถเสีย การขนส่งคน การจราจร การประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร เรื่องดังกล่าวจะต้องเข้าพื้นที่ก่อนที่ฝนจะตก
โต้ปมดราม่าลุยน้ำเข็นรถ
นายชัชชาติยังกล่าวถึงภาพที่ลงไปช่วยเข็นรถจนเป็นกระแสดราม่าว่า การลงพื้นที่คือรูปแบบการสื่อสารว่าเราให้ความสำคัญกับใคร เพราะหากเราให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาก็ต้องลงพื้นที่ไปดูจะมานั่งเรียกประชุมไม่ได้ เมื่อลงพื้นที่ไปก็เห็นความตื่นตัว ทั้ง ผอ.และ ส.ก.เขตในพื้นที่ นอกจากนี้ยังไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงไปสั่งการ แต่ไปเก็บข้อมูลและสังเกตเพื่อเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง หน้าที่ไม่ได้ลงไปเข็นรถ แต่รถเสียอยู่ เราก็ช่วยแบ่งแรง เมื่อลงไปอยู่หน้างาน ทุกคนเท่าเทียมกัน เมื่อเห็นปัญหาก็เข้าไปช่วย อย่ามาพูดว่าเป็นผู้ว่าฯแล้วมาเข็นรถทำไม แต่มันคืองานที่เจอหน้างาน สไตล์การทำงานใครสไตล์มัน ถ้าไม่ชอบก็รอคนที่ทำอีกแบบ แต่นี่คือสไตล์ตน จะเห็นว่าลงพื้นที่ไปไม่มีประชาชนด่า แต่กลับดีใจที่เห็นผู้ว่าฯลงมา ขณะเดียวกันการลงพื้นที่ ไม่ใช่แค่การดูน้ำ แต่ยังมีมิติอื่น เช่น การขนส่งคน การจราจร การประชาสัมพันธ์ การลงพื้นที่ไป จะทำให้เห็นปัญหาในภาพรวม เพื่อนำมากำหนดนโยบายในการบูรณาการให้มากขึ้น ทั้งนี้สั่งให้ปรับรูปแบบการประชาสัมพันธ์ แต่ปัจจุบันแต่ละเขตมีการแจ้งเตือนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขตที่อยู่ริมเจ้าพระยา
...
ปทุมอ่วม-สั่งปิดจุดกลับรถ
จ.ปทุมธานี เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำท่วมขังตามชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง น้ำภายในคลองชลประทานที่ 3 เพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำท่วมบริเวณใต้สะพานจุดกลับรถคลองสาม 50 ซม. ทำให้รถ จยย.ขี่ลุยน้ำดับไปหลายคัน ถนนเลียบคลองชลประทานที่ 3 มีรถสะสมจำนวนมาก นายวิระศักดิ์ ฮาเดา นายก อบต.คลองสาม สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งจัดเตรียมกระสอบทรายนำไปป้องกันน้ำท่วมในจุดเสี่ยง ล่าสุดบริเวณประตูระบายน้ำหมู่16 น้ำในคลองระพีพัฒน์สูงกว่าน้ำในคลองชลประทานที่ 3 จึงต้องปิดจุดกลับรถใต้สะพานคลองสามชั่วคราวและนำกระสอบทรายมาทำแนวตลิ่งใต้สะพาน พร้อมนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกเพื่อให้รถใช้สัญจรไปทางกลับรถสามารถใช้ได้ และแจ้งประชาสัมพันธ์ผู้ใช้รถหากมาจากคลองสองขอให้ไปกลับรถที่คลองสี่ หากมาจากคลองสี่ให้ไปใช้ทางลัดเพื่อเข้าคลองสามแทน
เตือนภัยธงแดงคลองรังสิต
ด้านเทศบาลนครรังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี แจ้งปิดถนนตั้งแต่สะพานฟ้า-สะพานแดง คลองหนึ่ง เนื่องจากฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์เอ่อล้นเข้ามาท่วมถนน และงดรถทุกชนิดสัญจรผ่าน น้ำเขื่อนสะพานแดงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ระดับ 1.8 เมตร ล่าสุดเทศบาลนครรังสิตได้ปรับระดับการเตือนภัยธงแดง ที่มีความเสี่ยงอันตรายสูงสุดให้อาศัยอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่นายธนพจ แก้ววงษา ผอ.ร.ร.สายปัญญารังสิต ออกแถลงการณ์ปิดเรียนเป็นกรณีพิเศษ 1 วัน (9 ก.ย.) หลังเกิดฝนตกหนักทำให้เสี่ยงเกิดอุทกภัย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ปกครองกำกับดูแลนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาติดตามข้อมูลข่าวสารที่โรงเรียนประกาศอย่างต่อเนื่อง
...
เร่งเสริมคันดินกันน้ำล้นตลิ่ง
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี พร้อม ร.ต.อ.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครรังสิต นำเจ้าหน้าที่เร่งทำแนวคันดินเสริมป้องกันน้ำจากคลองรังสิตที่ล้นข้ามแนวเขื่อนเข้าท่วมถนน และบ้านเรือนประชาชนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมากทั่วพื้นที่ อาจทำให้มีน้ำท่วมขัง ขอให้ประชาชนอพยพเคลื่อนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประกาศจัดหาสถานที่จอดรถ 3 แห่งให้กับประชาชนเข้ามาจอดช่วงน้ำท่วมประกอบด้วยโดมซอยรังสิต-นครนายก 30 อาคาร 100 ปี เมืองธัญญบูรี และทางขึ้นโทลล์เวย์
พหลโยธินหน้า ม.กรุงเทพหนัก
ส่วนบริเวณถนนพหลโยธิน ฝั่งขาเข้าและขาออก เขต อ.ลำลูกกา อ.ธัญบุรี และ อ.คลองหลวง มีน้ำท่วมขังในช่องทางคู่ขนานหลายจุด ขณะที่ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง นำเจ้าหน้าที่ไปอำนวยการจราจรให้กับประชาชนบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพที่มีน้ำท่วมสูง 40-50 ซม. ทำให้รถเก๋งและรถจักรยานยนต์สัญจรด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้ภายในซอยรังสิตภิรมย์มีน้ำท่วมสูงเช่นกัน ด้าน พ.ต.ท.สิงหา เฟื่องแก้วสว.จร.สภ.คลองหลวง เผยว่าช่วงนี้มีฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้น้ำท่วมพื้นถนนหน้าหมู่บ้านไวท์เฮาส์ บุญถาวร และตรงหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ประสานแขวงทางหลวงปทุมธานีเข้ามาช่วยสูบน้ำให้รถสัญจรได้ รวมถึงช่วยเหลือกรณีเกิดรถเสีย
...
แจ้งวัฒนะน้ำนอง-รถติดหนึบ
ส่วน จ.นนทบุรี ฝนตกหนักในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด นานกว่า 2 ชม. ทำให้น้ำท่วมบนถนนแจ้งวัฒนะเป็นช่วงๆ ทั้งฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออกตั้งแต่คลองประปาไปจนถึงห้าแยกปากเกร็ด ฝั่งขาออกจุดที่ได้รับผลกระทบหนักสุด มีสองจุด คือจุดแรกบริเวณหน้าห้างแม็คโคร แจ้งวัฒนะ และจุดที่สองใต้ทางด่วนแจ้งวัฒนะต่อเนื่องไปถึงหน้าห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ มีน้ำท่วมผิวจราจร 20-30 ซม.ส่งผลให้รถสะสมหยาวเหยียดเกือบตลอดทั้งสาย ด้านฝั่งขาเข้าจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดบริเวณฝั่งตรงข้ามห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ไปถึงเชิงสะพานข้ามแยกเมืองทองธานี ส่วนในซอยประชาชื่นนนทบุรี 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต น้ำท่วมประมาณ 30-50 ซม. ประชาชนสัญจรลำบาก
ผวจ.สิงห์บุรีตรวจ 7 จุดเสี่ยง
ด้านนายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผวจ.สิงห์บุรี นำหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมใน อ.อินทร์บุรี และ อ.เมืองสิงห์บุรี รวม 7 จุด ได้แก่ บริเวณหมู่ 8 ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จุดที่ 2 บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ต.ชีน้ำร้าย จุดที่ 3 บริเวณหมู่ 5 ต.อินทร์บุรี จุดที่ 4 บริเวณหมู่5 ต.ประศุก จุดที่ 5 บริเวณวัดพระนอนต.ทับยา จุดที่ 6 ใต้สะพานบางระจัน ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี และจุดที่ 7 ใต้สะพานวัดสว่างอารมณ์ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี โดยกำชับแต่ละพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือกับบริหารน้ำที่มีแน้วโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ฟ้ารั่ว-ฝ้าเพดาน รพ.พังถล่ม
ที่ จ.อ่างทอง ช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน เกิดฝนตกหนัก ทำให้หลังคาห้องฉุกเฉิน รพ.โพธิ์ทอง พังถล่มลงมา ทำให้เกิดน้ำขังกระจายเต็มห้อง หลังเกิดเหตุ รพ.โพธิ์ทอง โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งขอเวลาเตรียมพื้นที่ให้บริการใหม่ชั่วคราวระหว่างรอซ่อม อาจต้องประสานส่งต่อในผู้ป่วยบางราย ขออภัยในความไม่สะดวกผู้ป่วยทุกท่าน นพ.มีโชคชัย วิเศษสิทธิโชค ผอ.รพ.โพธิ์ทอง เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้น้ำฝนล้นลงมายังพื้นฝ้าเพดานจนอุ้มน้ำไม่ไหวพังลงมา เบื้องต้นได้นำผู้ป่วยฉุกเฉินไปรักษาที่ห้องโอพีดีชั่วคราว และเร่งซ่อมแซมแก้ไขอย่างเร่งด่วน
อยุธยาน้ำล้นตลิ่ง 8 อำเภอ
ส่วนนายวีระชัย นาคมาศ ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาแจ้งถึงสถานการณ์น้ำเวลา 08.00 น.วันที่ 8 ก.ย. มีน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท 1,448 ลบ.ม./วินาที ลดลง 16 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำจุดวัดน้ำ C35 บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3.74 ม. ลดลง 5 ซม. ส่วนปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี 268 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้น 3 ลบ.ม./วินาที เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ ระบายน้ำที่ 401 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำลดลง 7 ซม. ส่วนจุดวัดน้ำสะพานปรีดี-ธำรง อ.พระนครศรีอยุธยา น้ำลดลง 2 ซม. ลดลงสะสม 35 ซม. จนถึงขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมใต้ถุนบ้านรวม 8 อำเภอ 95 ตำบล 515 หมู่บ้าน 4 ชุมชน 19,757 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 7,801.75 ไร่
ถนนสาย 317 น้ำสูงครึ่งเมตร
จ.สระแก้ว ฝนตกหนักเกือบทั้งคืน ทำให้น้ำท่วมหลายตำบลใน อ.วังน้ำเย็น น้ำไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองวังน้ำเย็น ถนนสาย 317 (สระแก้ว-จันทบุรี) น้ำท่วมสูง 30-50 ซม.ทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่โรงแรมวังน้ำเย็นการ์เด้นท์ ระยะทางราว 500 เมตร บริเวณสหกรณ์เฟอร์นิเจอร์วังน้ำเย็น แต่รถยังสัญจรได้ หลังเกิดเหตุนายปริญญา โพธิสัตย์ ผวจ.สระแก้ว ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมบ้านวังเจริญ และบ้านวังแดง พร้อมขอกำลังทหาร ร.12 พัน. 1 รอ.เข้าช่วยขนย้ายข้าวของชาวบ้านไปไว้ในที่สูงที่บ้านวังศิลา หมู่ 14 ต.วังน้ำเย็น เนื่องจากสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ หลังมีฝนตกน้ำในลำคลองเอ่อล้นขยายวงกว้างหลายจุด
ระยองไก่ตาย 1.4 แสนตัว
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม จ.ระยอง ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วงสายเกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนใน ต.บ้านนา และ ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง หลังเกิดเหตุ นายอธิพงษ์ ตันศิริ ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอแกลง สั่งเจ้าหน้าที่ลงไปช่วยเหลือพบน้ำท่วมรวม 5 หมู่บ้าน เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด ต้องนำเรือท้องแบนไปช่วยอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนฟาร์มไก่ของนายบุญสืบ แกล้วกล้า กำนันตำบลกระแสบนถูกนำท่วมสูงกล่าว 1 เมตร ไก่ที่เลี้ยงไว้ 6 โรงเรือน กว่า 140,000 ตัวจมน้ำตายหมด ส่วน ต.บ้านนา ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 13 หมู่บ้าน เส้นทางสัญจรไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ขณะที่ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ตรวจเยี่ยมศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณสี่แยกอู่ทอง ต.บ้านนา จากนั้นเปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำยังไม่ลด เนื่องจากการระบายสู่ทะเลได้น้อยเพราะเป็นช่วงน้ำทะเลหนุน และน้ำจากภูเขายังคงไหลลงมาเติมตลอดเวลา ครั้งนี้ถือว่าหนักสุดในรอบ 10 ปี
สั่ง ตร.ดูแลรถติดช่วงน้ำท่วม
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ผบ.ตร.กำชับให้เร่งออกช่วยเหลือประชาชนจนกว่าจะพ้นช่วงมรสุม คาดว่าจะถึงวันที่ 9 ก.ย.จึงได้สั่งให้ตำรวจจราจรทุกพื้นที่ที่มีฝนตกหนัก จัดชุดช่วยเหลือประชาชนที่รถเสีย หรือรถดับกีดขวางพื้นที่ผิวการจราจร ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมสภาพการจราจรให้ติดขัดหนักขึ้นไปอีก ช่วงฝนตกหนักตำรวจจะเน้นไปที่การช่วยเหลือรถเสียเป็นหลัก ตำรวจมีหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหานำรถออกจากพื้นผิวการจราจรให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้การจราจรติดขัดมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังต้องคอยดูสิ่งกีดขวางต่างๆที่อาจโดนกระแสน้ำ หรือลมพัดมาตกในพื้นผิวถนน เพราะหากมีปัญหาเพียงจุดเดียวจะเกิดผลกระทบกับการจราจรในภาพรวมทั้งหมด
ร.ร.ได้รับผลกระทบ 230 แห่ง
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศว่าได้รับรายงานมีสถานศึกษาได้รับผลกระทบน้ำท่วม 230 แห่ง ใน 88 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) โดย 2 แห่ง โรงเรียนอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยาต้องปิดการเรียนการสอน และได้วางแผนจัดการเรียนการสอนทดแทนเอาไว้แล้ว ส่วนในพื้นที่อื่นๆ มอบหมาย สพท.สำรวจความเสียหายของโรงเรียนแต่ละแห่งเพื่อจัดงบประมาณไปช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลดต่อไป
อุตุฯเตือนทุกภาคฝนตกอีก
กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศวันที่ 8 ก.ย. เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมกำลังแรงเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชาและเวียดนามตอนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนคลื่นลม บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 9 ก.ย.