สภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในวันนี้หลายคนคงเริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงกว่าปกติ กำลังส่งผลต่อวิถีชีวิตของมนุษย์อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นฝนฟ้าที่ตกไม่ตรงฤดูกาล อากาศที่ร้อนจนอันตรายและทำให้มีผู้เสียชีวิตในหลายๆ ประเทศ รวมไปถึงภัยธรรมชาติอันหลากหลาย เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนทำให้เรารับรู้ว่าปัญหา Climate Change กำลังเดินทางสู่ขั้นวิกฤติ และจำเป็นต้องมีการแก้ไขเพื่อให้สถานการณ์นี้บรรเทาลงก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ด้วยเหตุดังกล่าว แนวคิด “Net Zero” หรือการมองหาวิธีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์จึงได้รับการศึกษาอย่างจริงจังมากขึ้น และถูกเปลี่ยนเป็นนโยบายที่ภาครัฐและภาคเอกชนในหลายประเทศตั้งเป็นเป้าหมายจะทำให้เกิดขึ้นจริงภายในระยะเวลาอันใกล้ สำหรับในประเทศไทย องค์กรที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำในเรื่อง Net Zero และลงมือทำอย่างต่อเนื่องก็คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ที่มีการวางรากฐานแนวคิดรักษ์โลกผ่านโครงการต่างๆ อย่างจริงจังทั้งภายในองค์กรและยังส่งต่อความตระหนักสู่สังคมภายนอก โดยหนึ่งในงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ GC ก็คืองาน “Circular Living Symposium” ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติที่ GC ในฐานะหัวเรือใหญ่จะทำหน้าที่เชิญชวนผู้มีใจรักษ์โลกทั้งในภาคองค์กรและภาคประชาชนมาร่วมแลกเปลี่ยนไอเดียแห่งความยั่งยืน ซึ่งการจัดงาน GC Circular Living Symposium 2022 เมื่อวันที่ 25-26 สิงหาคมที่ผ่านมานั้นเป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดยประเด็นหลักของงานครั้งนี้ได้กล่าวถึงก้าวต่อไปของภารกิจ Net Zero ที่มีหัวใจสำคัญคือคำว่า “ความร่วมมือ” เพราะวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้เพียงลำพัง แต่จำเป็นต้องเดินหน้าไปด้วยกันด้วยความเชื่อมั่นเดียว ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน

สานความร่วมมือ สร้างการมีส่วนร่วม เพื่อเส้นชัยของเราทุกคน

งาน GC Circular Living Symposium 2022 คือการสานต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและความยั่งยืน ยกระดับสู่การดำเนินงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ธีม “Together to Net Zero” โดยไฮไลต์ของงานคือในส่วนของ “เวทีพลังความคิด” ที่มีเหล่าผู้นำความคิดกว่า 40 ชีวิตมาร่วมแชร์ประสบการณ์และไอเดียน่าสนใจสู่เป้าหมาย Net Zero ซึ่งหนึ่งในเวทีสำคัญคือการเสวนาในช่วงของ CEO Panel นำโดย ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) GC, คุณ วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า, คุณ อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และคุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์สู่ Net Zero ในฐานะของหน่วยงานระดับชาติที่สามารถขับเคลื่อนสังคมได้ในวงกว้าง โดยกุญแจสำคัญของการขับเคลื่อนคือการร่วมมือกันระหว่างองค์กรชั้นนำ ที่จะช่วยกันสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐาน กระจายความรู้ความเชี่ยวชาญ รวมถึงออกแบบแพลตฟอร์มที่ภาคประชาชน และ SME สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ เพื่อให้มองเห็นภาพของการต่อสู้นี้ไปพร้อมกัน

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง กล่าวในการเสวนา CEO Panel ว่า GC ในฐานะผู้นำในธุรกิจต้นน้ำ มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 หรือในอีก 30 ปีข้างหน้า ในการนี้ สิ่งที่ GC เริ่มดำเนินการไปแล้วภายในองค์กร มีทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดการปล่อยของเสีย การปรับพอร์ตฟอลิโอของบริษัทในระยะยาวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำโดยยังคงรักษาการเติบโตขององค์กร รวมไปถึงประยุกต์วิธีดูดซับคาร์บอนจากธรรมชาติ ร่วมปลูกต้นไม้มากยิ่งขึ้น และค้นหาเทคโนโลยีดูดซับคาร์บอนมาสนับสนุนการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อแนวคิดภายในองค์กรแข็งแกร่ง สิ่งที่ GC ดำเนินการต่อคือการเอื้อมมือไปผลักดันสังคม ผ่านการสร้าง Ecosystem จำนวนมากที่จะทำให้องค์กรน้อยใหญ่ SME และคนทั่วไป มีทางเลือกและมีโอกาสจะได้ร่วมทำเรื่องนี้ กล่าวคือเพียงการสร้างความตระหนักนั้นยังไม่เพียงพอ แต่ในฐานะองค์กรต้นน้ำที่มีศักยภาพลำดับต้นๆ ของประเทศ GC สามารถไปไกลกว่านั้นได้ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และระบบนิเวศที่จะดึงดูดทั้งพันธมิตรและประชาชนเข้ามาร่วมมืออย่างจริงจัง เช่น การเป็นคู่ค้ากับเนสท์เล่เพื่อนำเสนอบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกกับสินค้าเนสท์เล่ทุกประเภท หรือการร่วมแชร์ไอเดียการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกับทางฝั่งหัวเว่ย ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำยุคจะช่วยลดการใช้พลังงาน ส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง

ในส่วนของภาคประชาชน GC ก็ได้พัฒนาแพลตฟอร์มต่างๆ ขึ้นมารองรับ เช่น “YOUเทิร์น PLATFORM” ที่เป็นระบบบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างครบวงจร โดยพลาสติกที่ประชาชนช่วยรวบรวมและคัดแยกสู่แพลตฟอร์ม จะนำไปผ่านกระบวนการ Recycle และ Upcycling ตอบโจทย์ทั้งหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการทิ้งขยะพลาสติก และมีส่วนช่วยให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดน้อยลงได้อีกด้วย

ในแง่มุมดังกล่าว คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ให้ความเห็นสนับสนุนว่า สิ่งสำคัญของการสร้าง Net Zero ในภาคประชาชนคือการ “ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้” มีเส้นชัยทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนในสังคมเห็นภาพได้ชัด เกิดความตระหนักร่วมกันว่าสิ่งที่ทำจะช่วยสร้างสังคมที่ดีได้อย่างไร อาทิ สิ่งที่ กทม. ได้ดำเนินการไปแล้วอย่างแคมเปญร่วมกันปลูกต้นไม้ล้านต้น ซึ่งทั้งภาคประชาชนและองค์กรชั้นนำเช่น GC ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างการนำร่องผลักดันนโยบายแยกขยะใน 3 เขต กทม. ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างความมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม

จากการแลกเปลี่ยนในวงเสวนา CEO Panel เห็นได้ชัดว่า ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมคือหัวใจสำคัญของการก้าวข้ามความท้าทายครั้งนี้ โดย GC เองก็พร้อมจะมองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะช่วยทุกฝ่ายให้เข้าใกล้ Net Zero ไปด้วยกัน

“ทุกๆ ปัญหาที่เราเคยเผชิญ เราเริ่มต้นด้วยการพยายามทำความเข้าใจมันก่อน เมื่อเข้าใจก็จะนำไปสู่ความเชื่อและพันธกิจ ในส่วนของ GC เรามีสโคปการทำงานของเรา ในส่วนที่ 1 และ 2 คือการมุ่งลดคาร์บอนให้ได้ 20% ในปี 2030 และทำให้เหลือศูนย์ในปี 2050 ส่วนในสโคปที่ 3 เราจะเข้าไปช่วยผู้อื่น ทั้งพันธมิตร ลูกค้า และประชาชน สร้างทางเลือกให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ และมีเป้าหมายชัดเจนคือเราจะไม่ทิ้งภาระไว้ให้คนรุ่นหลัง” ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง กล่าวสรุป

มุ่งสร้างนวัตกรรม เพื่อสังคมที่ยั่งยืน

นอกเหนือจากพันธกิจสร้างความมีส่วนร่วมสู่ Net Zero ทาง GC ยังนำนวัตกรรมปลอดคาร์บอนมานำเสนอภายในงานครั้งนี้ ผ่านการจัดแสดงที่ “Net Zero City” ซึ่งจะทำให้ผู้มาเยี่ยมชมได้เห็นภาพชัดว่าหากสังคมปลอดคาร์บอนเกิดขึ้น วิถีชีวิตของผู้คนในวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างไรบ้าง โดยบูธต่างๆ ของ GC จะแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน ได้แก่

Net Zero Farm & Café ฟาร์มคาเฟ่รักษ์โลก ที่มีโซน Smart Farming นำเสนอนวัตกรรมเกษตรยุคใหม่ที่มีส่วนช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอน จำลองโรงเรือนพลาสติก การใช้พลังงานชีวภาพกำจัดของเสีย และยังเป็นแหล่งเติมเต็มความรู้เรื่องการปลูกป่าสำหรับผู้ที่สนใจ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำอาหารเมนู plant-based บนภาชนะ bioplastic ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

Net Zero Avenue สัมผัสประสบการณ์ “Betterlivingland” และเปิดตัวครั้งแรกกับร้านค้ารักษ์โลก UPTOYOU Virtual Store ซึ่งในโซนนี้จะมีการผสมผสานไอเดียการรักษ์โลกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ หลอมรวมโลก Metaverse เข้ากับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการ Upcycling ออกแบบโดย Greyhound และ Pomme Chan

Net Zero Living โซนจัดแสดงนวัตกรรมบ้านรักษ์โลกที่ใช้งานผลิตภัณฑ์จากพลาสติกและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงนวัตกรรมรถ EV และแท่นชาร์จไฟที่สามารถติดตั้งได้ที่บ้าน

Net Zero Industry การนำเสนอโรงงานสีเขียวแห่งอนาคต ที่มีการใช้งานทั้งนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มหาศาล อาทิ Clean Energy จาก กังหันลม พลังงานจากคลื่นทะเล Solar โซนที่พลังงานจากธรรมชาติ โดย GC พร้อมจะนำเสนอให้เห็นว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานในรูปแบบเดิม และยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนในวันนี้และวันข้างหน้าไปสู่อีกขั้น

นอกจากนั้น การจัดงานครั้งนี้ยังเป็นการจัดงานแบบปลอดคาร์บอน (Carbon Neutral) ผ่านการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อีกด้วย

เชื่อมต่อจุดเล็กๆ สู่เส้นตรงที่ยิ่งใหญ่

จากความพยายามทั้งหมดของ GC ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือความมุ่งมั่นจะขับเคลื่อนสังคม Net Zero อย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่นโยบายภายในที่ถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนเห็นผล ตลอดจนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน วางระบบ Ecosystem ที่จะทำให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างสะดวก และยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตทุกๆ คน ไม่เพียงเท่านั้น GC ยังแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนจะสร้าง “แนวร่วมพันธมิตร” อันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการต่อสู้กับปัญหา Climate Change ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ

และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น นับว่าสอดคล้องกับคำกล่าวของ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ที่ฝากไว้ในช่วง CEO Panel ว่าภารกิจของ GC คือการ “เชื่อมโยงจุดเล็กๆ เข้าด้วยกัน” ซึ่งแต่ละจุดก็หมายถึงแต่ละภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ โดยการใช้ศักยภาพและนวัตกรรมที่ GC มี เพื่อทำให้ทุกภาคส่วนมุ่งหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน และเมื่อแต่ละจุดถูกเชื่อมต่อ มันก็จะกลายเป็นเส้นตรงเส้นใหญ่ ผลักดันประเทศไทยไปสู่สังคมปลอดคาร์บอนตามแผนแม่บทระดับประเทศ เชื่อมโยงสู่เส้นชัยที่คนทั้งโลกร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน เปลี่ยนโลกใบเดิมที่เคยบอบช้ำให้กลับมาสวยงาม ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุขไปอีกนานเท่านาน